มีนาคม 28, 2024, 10:24:12 หลังเที่ยง

ข่าว:

SMF - Just Installed!


การทำทริปสเปน

เริ่มโดย Sompong, พฤษภาคม 16, 2016, 11:42:42 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

Sompong


การทำทริปสเปน
สพายกล้อง ตอนที่หนึ่ง "ย่ำเมือง...กระทิงดุ"

จริงแล้วผมยังมีรูปค้างกรุ เมื่องเชียงแสน และภูชี้ฟ้าตอนช่วงปลายปีที่แล้วอยู่อีกหน่อย ยังไม่ได้ลงให้ชมกัน เอาว่าไว้เก็บกันทีหลังก็แล้วกันนะ

เริ่มกันแต่ไก่โห่เลยนะครับ...เอาว่าถ้าเดินทงเอง กว่าจะถึงวันเดินทางเราต้องเตรียมตัวอย่างไร แน่นอนกำหนดช่วงเวลาเดินทาง เราอาจจะไม่ติดอะไร เพราะเกษียณแล้วมีเวลา เอาว่าไปช่วงไม่หนาว ไม่ร้อนมากก็พอใจ แต่ถ้ามีสมาชิกที่ทำงานอยู่ร่วมกลุ่มไปด้วยอาจจะต้องจัดให้ลงตัวกันด้วย เดี๋ยวกลับมาเจ้านายเรียกไปชม จากนั้นหลังกำหนดช่วงเดินทางก็ต้องดั้นด้นค้นหาตั๋วราคาถูก เรื่องนี้สำมะคัญ กลุ่มผมได้คุณจี๊ดทำหน้าที่นี้ ต้องจองกันแต่เนิ่นๆนะครับ หกเดือน แปดเดือนกันเลยเชียว คราวนี้ก็มาถึงเรือง ออกแบบทริป คราวที่แล้วไปญี่ปุ่น คุณอั๋นรับผิดชอบเป็นหัวหน้าทัวร์ คราวนี้ถึงตาผม ผมเริ่มจาก ไปเก็บโพยของทัวร์มาดู เห็นทริปที่เรามักเรียกว่า ทริปเส้นทางยอดนิยม(จริงแล้วเราเรียกติดตลกว่า ทริปเส้นทางสายน้ำเน่า เพราะใครๆก็ไปกัน) ก็จะเป็นโปรตุเกส สเปน 6-9 วัน เอาปริมาณเป็นหลัก ผมซื้อหาหนังสือ แต่ก็ได้แค่เปิดผ่านๆ ตัวช่วยที่ดีที่สุดยอดคือ....อากู๋ ครับ มองหา Website ที่ให้ข้อมูลก็ถามอากู๋ภาษา ปะกิด เสียหน่อย อากู๋ก็ให้มาหลาย Web หลายคนนิยมดูกันใน พันทิพย์ ผมดูบ้าง แต่ไปเจอ Web www.visitacity.com และ www.viator.com สอง Web นี้ช่วยได้มาก viator การเดินทางระหว่างเมืองมีพาหนะอะไรให้เลือกได้บ้าง ใช้เวลาเท่าไหร่ มีช่วงเวลาไหนบ้าง ส่วน visitacity จะบอกสถานที่น่าสนใจของเมืองต่างๆที่เราสนใจ และมีการแนะนำว่าเราควรไปที่ไหน เดินทางอย่างไรในแต่ละเมืองที่เราต้องการจะไป.....อ๊ะๆ อย่าคิดว่าเจ้า web ที่ผมบอกจะใช้ได้ทั่วโลกนะครับ มันคงเก่งเป็นโซนๆนะครับ จะไปที่อื่นต้องหากันหน่อย ผมเริ่มเอาโพยทัวร์มาเช็ค แล้วรู้ว่าถ้าเราไปเองลงเครื่องที่ลิสบอน แล้วไปชมเมืองชายทะเลทางเหนือของโปรตุเกส แล้วเดินทางเข้ามาแมดริด ถ้าไม่มีการเหมาบัส ใช้รถไฟก็ใช้เวลานานมาก จะเที่ยวไม่คุ้มกับเวลา เลยขออนุญาติขัดใจลูกทัวร์โดยขอเจาะสเปนให้พรุนกันไปเลย แค่นี้ก่อนนะ ตอนหน้ามาเล่าต่อ





















Sompong


สพายกล้อง ตอนที่สอง "ท่องเมือง....กระทิงดุ 2"

คุยเรื่องการทำแผนการเดินทางต่อจากตอนที่แล้วนะครับ.....หลังจากดูโพยทัวร์แล้วไม่ใช่ที่เราอยากไป ผมก็หาแผนที่สเปนมา แล้วจิ้มไอ้เมืองที่เราคุ้นเคย ทำอยู่สองสามรอบพร้อมกับหาข้อมูลของแต่ละเมืองประกอบจาก Web visitacity เป็นหลักเลยได้เส้นทางเคร่าๆมาอย่างนี้ Madrid>Toledo>Madrid>Bilbao>Barcelona>Valencia>sevilla (Granada)>Madrid แล้วก็กำหนดว่าจะอยู่เมืองไหนกี่วัน ซึ่งลงเอยด้วยส่วนใหญ่พักเมืองละสองคืน คือเราจะเดินทางตอนเย็นๆไปถึงอีกเมืองสามสี่ทุ่ม วันรุ่งขึ้นเที่ยวเต็มวัน แล้วกลับมานอนโรงแรมเดิม วันต่อมา Check out ตอนเช้า แล้วฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม แล้วก็ออกเที่ยวจนบ่ายๆ กลับมาเอากระเป๋าแล้วไปต่ออีกเมือง ยกเว้น Toledo และ Granada ที่เราไปเช้ากลับเย็น มานอนโรงแรมเดิม หลังจากกำหนดวันเดินทางได้เคร่าๆก็เอาไปหารือกับลูกทัวร์ว่าจะหนักเบาไปไหม จะตัดจะเพิ่มตรงไหน จนลงตัว คราวนี้ก็มาดูพาหนะในการเดินทาง คราวนี้ใช้ www.viator.com เขามีให้เลือก จะเป็นรถไฟ เครื่องบิน หรือ รถบัส ซึ่งการเดินทางระหว่างบางเมืองก็มีไม่ครบทุกพาหนะนะครับ ก็เลือกที่มีดูเวลาในการเดินทางเป็นหลัก เช่นจากเมือง Bilbao> Barcelona ไม่มีรถไฟ มีรถบัสกับเครื่องบิน Low Cost ถ้าเลือกใช้รถบัสก็จะใช้เวลาเดินทางเก้าชัวโมงเศษ ในขณะใช้เครื่องบินประมาณชั่วโมง แต่ต้องเดินทางไปสนามบินไปรอขึ้นเครื่อง อีกประมาณชั่วโมง อย่าลืมว่าข้อมูลเหล่านี้ต้องหาล่วงหน้า หกถึงแปดเดือน อาจจะมีความแน่นอนประมาณ 75-80% เพราะรถไฟสเปนให้จองซื้อล่วงหน้าได้แค่ 62 วัน พอเรากำหนดพาหนะได้ แล้วก็เจาะลึกเรื่องจองโรงแรม และสถานที่ที่สนใจจะเที่ยวในแต่ละเมือง การจองโรงแรม คุณจี๊ดจัดไป ใช้บริการ www.booking.com หรือใครจะนิยม agoda.com หรือใครจะใช้อย่างอื่นก็เลือกเอาตามที่สบายใจนะครับ คุณจี๊ดเลือกโรงแรมที่ไม่ต้องจ่ายตังส์ก่อน แถม ฟรี Cancellation ซึ่งถือว่าเป็นการเลือกแบบขาญฉลาด เพราะเราต้องเอาข้อมูลการจองเข้าพักโรงแรมไปเป็นเอกสารประกอบการขอวีซ่า การจองโรงแรมก่อนนานๆก็ดีที่อาจจะได้ราคาถูก แต่ถ้าต่อมาเปลี่ยนแผน หรือ เจอโรงแรมถูกว่า ก็จะได้ยกเลิก แล้วจองใหม่ เอ้าแล้งจะมาเล่าต่อนะ

ส่วนภาพที่นำมาให้ชมในฉากนี้มาจาก Museo Thyssen พิพิธภัณฑ์นี้ให้ถ่ายภาพได้ มีบางแห่งห้ามถ่ายภาพนะครับ ตากล้องต้องระวังหน่อย แล้วเราควรมีมารยาทนะครับเขาไม่ให้ถ่ายก็อย่าไปแอบถ่าย เดี๋ยวเสียชื่อสถาบันเปล่าๆ แถมโดนอาจารย์สุมาลีท่านว่าเอานะ ว่าเป็น "ไอ้พวกไม่มีจิตสำนึก" คิดถึงคำนี้ให้คิดถีง อ.สุมาลี

ในฉากนี้มีภาพหนึ่งเป็น High Light ของพิพิธภัณฑ์นี้ ลองทายดูซิครับว่าเป็นภาพไหน

Sompong


สะพายกล้อง ตอนที่สาม "แมดริด.....ปุรัมปุรา"

ฉากที่แล้วผมเล่าถึงการวางแผน ว่าจะพักเมืองไหน พักกี่วัน เลือกพาหนะเดินทางระหว่างเมืองจาก www.viator.com เมื่อเลือกได้ที่สบายใจของลูกทัวร์แล้ว คราวนี้เราก็เจาะ สถานที่น่าสนใจของแต่ละเมือง ผมเข้าไปดูใน www.visitacity.com โดยเว็ปนี้เราจะ search หา attractions หรือสถานที่น่าสนใจของเมืองนั้นๆ ถ้าเมืองไหนมี Attractions ที่พอเดินถึงไม่ไกลกันมาก เจ้า web นี้จะออกแบบมาให้เสร็จว่าวันแรกจะเดินตามเส้นทางไหน พร้อมแนะนำเสร็จว่า ควรใช้เวลาชม เวลาเดิน ในแต่ละแห่ง กี่ชั่วโมง กี่นาที แถมถ้าเจาะลึกไปอีก ก็จะบอกว่าจุดนั้นๆมีคนให้ rating เป็นลำดับที่เท่าไหร่ของสถานที่ต่างๆเมืองนั้น เราจะได้รู้ว่าที่ใดไม่ควรพลาดหากเราเที่ยวไม่ได้ทุกที่ ถ้าเจาะลึกลงมันจะบอกเวลาปิดเปิด และค่าเข้าชมให้แล้วเสร็จเลย แต่ฝากเช็คเวลาปิดเปิด บางเดือนอาจะเปิดสายไม่ตรงกับที่ web แนะนำ ก็อาจจะต้องปรับแผนที่แนะนำมาบ้าง แล้วถ้ามีเวลาควรศึกษาข้อจำกัด หรือคำแนะนำจาก web อื่นๆประกอบ เช่นจาก พันธุ์ทิพย์ เป็นต้น อาจจะได้ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น พิพิธภัณฑ์ หรือสถานที่นี้ อาจจะต้องต่อคิวยาวมาก เราอาจจะจองซื้อทาง web ไปล่วงหน้า หรือไม่ก็ไปเข้าคิวแต่เนิ่นๆครับ จะได้ไม่เสียเวลาเที่ยว

ส่วนบางเมืองที่ สถานที่อยู่ห่างๆกัน web นี้จะไม่แสดงผังการเดินให้ ผมก็เลือกใช้ Hop on Hop off เป็นรถบัสชมเมืองสองชั้น จอดตามจุดต่างๆ เลือกขึ้น ลงได้ ต้องระวังเวลาหน่อยว่าในแต่ละวันมันเริ่มวิ่งกี่โมง หยุดบริการตอนกี่โมง

จากข้อมูลที่ได้ เราเอามากำหนด Attractions ที่เราจะไปในแต่ละเมือง กำหนดกิจกรรม,พาหนะในการเดินทางระหว่างเมือง และที่พักของทุกๆวันทั้งทริป แล้วเขียนเป็น itinerary เป็นภาษาอังกฤษ ทุกครั้งที่เดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศ ผมจะทำ itinerary เสมอ มันมีประโยขน์ในการแนบขอวีซ่า และเป็นเอกสารสำแดงเมื่อตรวจผ่าน ตม ของประเทศปลายทางในกรณีที่เขามีคำถาม แต่ถ้าเขาไม่ถามก็อย่างไปให้เขาดู มันอาจจะกลายเป็นจดหมายเชิญให้เขาถามเอาได้ ตอนเข้าสเปน ตม ได้แต่ยิ้มเปิดดูหน้าวีซ่า แล้วแสต็มให้เลย......

ภาพ ขุดนี้ให้ดูน้องหมี เป็นสัญญลักษณ์ อยู่ใจกลางเมืองแมดริด มีเจ้ากิโลเมตรที่ 0 อยู่ห่างออกไปประมาณ 200 เมตร ที่เห็นภาพที่กลุ่มเอาเท้ารุมๆกันนะครับนะครับ

เอ้านะขอจบฉากนี้...เหลือเรื่องเอาไว้ต่อกันคราวต่อๆไป

Sompong


สะพายกล้อง ตอนที่สี่ "ท่องเมืองเก่า....นามเท่ห์....Toledo"

สะพายกล้อง ตอนที่สี่ "ท่องเมืองเก่า....นามเท่ห์....Toledo" เมื่อโพสต์ก่อนๆ คุณ Tim Con แนะนำว่าคนที่ไปสเปนไม่ควรพลาด เมือง Toledo เห็นด้วยจริงๆ เมืองนี้อยู่ทางไต้ของแมดริดมาเล็กน้อย นั่งรถไฟระหว่างเมือง Renfe ไปประมาณ 30 นาทีเศษ ปกติถ้าไปกับทัวร์..เมืองนี้จะอยู่บน list ของทัวร์อยู่แล้ว เมืองนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา มีตรอกเล็กตรอกน้อย การเที่ยวเมืองนี้จะใช้นั่งรถลากมี หัวแบบ รถไฟ เหมือนในภาพ หรือจะนั่งรถประจำทาง หรือเดิน กลุ่มของเราเลือกเดิน ต้องบอกก่อนว่าร่างกายต้องฟิต จำได้คราวที่ไปสวิสเดินไป บาน ฮ๊อป (แปลว่าสถานีรถไฟ) เดินขึ้นเนินกว่าจะถึงได้ เล่นเอาหอบ บาน เลย แล้วคราวไป นางาซากิ ไปดูรูปปั้นคนชี้ฟ้า ดันขึ้นทางหลัง พอถึง ตะคริวรัปทานผมไปถึงต้นขาอ่อนทั้งสองข้าง เอาว่าขยับไม่ได้ต้องนั่งนิ่งๆไปประมาณสิบห้านาที ก่อนที่เพื่อนจะมาบอกว่ามีทางขึ้นอีกทางมีบันไดเลื่อนด้วย

การไปท่องเที่ยวเมืองนี้จะซื้อทัวร์จากแมดริดไปก็ได้ หรือซื้อทัวร์ที่นั่นเลยก็ได้ เขาก็จะมี ไกด์อธิบาย หรือจะไปลุยโดยการซื้อรถไฟ Renfe ไปไม่ง้อทัวร์ ก็โอเค ที่นั่นเขามี สำนักงาน information สามารถขอแผนที่พร้อมคำแนะนำว่าควรไปจุดไหนบ้าง ส่วนกลุ่มเราเอาที่สบายใจซื้อตั๋วรถไฟจากเมืองไทย พอถึงสถานีของเมืองนี้าก็ต่อรถบัสไปที่จตุรัสใจกลางเมือง ใครขยันเดินอาจจะเดินจากสถานีรถไฟไปพอใกล้ๆใจกลางเมืองเขาจะมีบันไดเลื่อนขึ้นไปเดินอีกหน่อยก็ถึงจตุรัสเหมือนกัน ส่วนกลุ่มเราวัยรุ่นหนุ่มน้อยสาวน้อยขอใช้บริการรถบัสดีกว่า หลังเข้า information ขอข้อมูลเสร็จก็ลุยเลย นำโดยไกด์ โอ๊ค เจ้าลูกสาว ช่วยได้เยอะ คราวหน้าท่าจะยึดตำแหน่งหัวหน้าทัวร์จากคุณพ่อ

ดูจากสินค้าสินค้าและโบสถ์ เมืองนี้มีอารยธรรมที่ผสมผสานระหว่าง โรมัน ตุรกี และคริสต์ ลองชมภาพดูกันนะ

ป.ล. ฉากหน้าค่อยมาคุยเรื่องการซื้อตั๋วรถไฟ Renfe จาก Web แล้วมีรถไฟกี่ชนิด นะครับ

Sompong


สะพายกล้อง ตอนที่ห้า "เล่าเรื่อง...เมืองเก่า Toledo"

เล่าเรื่องการจองตั๋วรถไฟ Renfe อย่างที่บอกในโพสต์ก่อนว่า ผมเช็ค พาหนะ เดินทางระหว่างเมืองโดยใช้ www.goeuro.com เลือกเมืองต้นทางปลายทางวันที่เดินทาง Website นี้จะบอกว่ามีพาหนะใดบ้าง รถไฟ รถบัส หรือ เครืองบิน low cost เวลาออก เวลาถึง และราคาตั๋วเป็น US Dollar ถ้าเป็นรถไฟ ผมจะไปซื้อตั๋วใน www.renfe.com ตอนแรกวุ่นพอควรเพราะ Web renfe นี้ดันเป็นภาษาสเปน หาที่เปลี่ยนภาษาอยู่นาน มุกเด็ดคือบรรทัดบนสุดของ Website นี้จะมีคำยินดีต้อนรับในภาษาต่างๆ พอเรากดเลือก Welcome ภาษาอังกฤษ Web ก็จะเปลี่ยนภาษาเป็นภาษาอังกฤษ การจอง รถไฟ renfe ปกติเขาเปิดให้จอง 62 วันล่วงหน้า ส่วนใครจะลองก่อนนั้นก็ลองดูนะครับ ผมลองๆดูแล้วดูเหมือนข้อมูลมันจะไม่ค่อยครบ รถบางขบวน บอกว่าไม่มี พอกรอกเมืองต้นทาง ปลายทาง บางทีเมืองใหญ่ๆอาจจะมีสถานีให้เลือกหลายสถานี ก็หาข้อมูลหน่อย เลือกสถานีหลักของเมืองเป็นสำคัญ Web ก็จะมีขบวนรถไฟให้เลือก แล้วเขาจะมีเหมือนชั้น 3,2,1 ให้เลือก แต่เขาเรียก ชั้นว่า Tourist, Tourist Plus, Preferent ชั้นTourist นี่ต่ำสุดมีที่นั่งแถวละสี่ ซ้ายสอง ขวาสองเว้นทางเดินตรงกลาง Tourist plus มีแถวละสาม ข้างหนึ่งมีสอง อีกข้างมีที่เดียว ส่วน Preferent มีแถวละสามเหมือนกัน แต่ที่นั่งกว้างกว่า สบายกว่า แล้วเขาจะมีคำถามอีกว่าจะซื้อตั๋วผู้สูงอายุไหม หรือตีตั๋วเด็กไหม แต่เขาเรียกเป็นภาษาสเปน อาจจะต้องหา Web อธิบาย การ ซื้อตั๋ว renfe เพิ่มเติมหน่อยครับ รถไฟ renfe มีรถไฟระหว่างเมืองความเร็วปานกลาง ใช้ ว่า renfe หรือรถไฟความเร็วสูง Renfe AVE การจองตั๋วรถไฟแต่เนิ่นๆ ท่านอาจจะได้ตั๋วราคาถูก ดีไม่ดีท่านจะได้ชั้น preferent ในราคาเดียวกับชั้น Tourist แต่ถ้ารีรอ ตั๋วอาจจะหมดในขบวนที่ท่านต้องการเดินทาง ท่านอาจจะต้องซื้อในชั้นที่ราคาแพงขึ้น บางท่าน ใช้ SPAIN PASS แล้วหวังไปซื้อที่สถานีเอา โอกาสที่ตั๋วหมดมีสูงมาก ถ้า schedule การเดินทางต้องเป๊ะ ผมไม่แนะนำให้เสี่ยง ทริปของกลุ่มผม จองทั้งที่พัก มีกำหนดการท่องเที่ยวไว้เสร็จ พลาดไปสักเมืองรวนกันทั้งทริป เลยต้องเอาแน่ๆ ใน www.renfe.com เขาจะคิดค่าตั๋วเป็นเงิน euro เราลองคำนวนดูแล้วจะ ถูกกว่า US Doller ใน www.goeuro.com อยู่เล็กน้อย แต่พอต้องเลื่อกเครื่องบิน low cost ผมเลือกใน www.goeuro.com หลังเลือกเที่ยวบินเขาจะ link ไปยังเว๊ปสายการบินพันธมิตร จะได้ราคาถูกที่สุด เราใช้เครื่องตอนเดินทางระหว่าง Bilbao ไป Barcelona

เมื่อซื้อตั๋วเสร็จ ต้องพิมพ์ Voucher แบบเต็มแผ่น A4 หนึ่งคนต่อหนึ่งแผ่น ควรพิมพ์สำรอง แยกคนถือคนละชุดนะครับ ไม่งั้นหายไปจะยุ่งมาก ตอนผมพิมพ์ชุดสำรองอยากประหยัดกระดาษ พิมพ์แบบย่อหน้า A4 พิมพ์ตั๋วสี่ใบในหนึ่งหน้าไปด้วย ปรากฏว่าเขาไม่เอา

อีกเรื่องที่ต้องระวังในตั๋วดูให้ดีๆ บางทีอาจจะมีการลงไปต่อขบวนอื่นระหว่างทาง หรือดีไม่ดีต้องต่อรถบัสระหว่างทาง ก็ต้องระวังครับเพราะการ์ดรถไม่พูดภาษาอังกฤษ

พอได้นะ....อ้าวแล้วคุณกันใหม่ในโพสต์หน้า

Sompong


สะพายกล้อง ตอนที่หก "สาวน้อย....ชมเมือง"

ที่เมือง Toledo เราเดินทางด้วยรถไฟไปเข้ากลับเย็นมานอนที่ Madrid เช้ามาก็ Check out แล้วฝากของไว้ที่โรงแรม เที่ยวได้อีกค่อนวัน ก่อนกลับมาเอากระเป๋าที่โรงแรม เดินทางไปสถานี Madrid Chamartin เราได้ให้โรงแรมจองรถแท็กซีแวน ไว้ตั้งแต่วันก่อน ราคาประมาณ ห้าสิบยูโรเศษ เมืองหน้า Bilbao เวลาเดินทางห้าชั่วโมงเศษ ถึง Bilbao สามทุ่มสิบหกนาที เจ้าลูกสาวทำหน้าที่พาต่อ Metro ไปถึงใกล้ๆโรงแรมแล้วก็ลากกระเป๋า ปุเลงกันไปอีกร้อยห้าสิบเมตร ตัวช่วยที่ดีของเจ้าลูกสาวคือ อากู๋ Map กับ Pocket WIFI ที่เช่าที่โนน่เลย สมัยนี้ อากู๋ช่วยได้เยอะมากๆครับ ใครจะไปเที่ยวเองต้องฝึกใช้ไว้นะครับ

โรงแรมที่พักอยู่ในย่านเมืองเก่า อันนี้ต้องชมคุณจี๊ด คนจองว่าเลือกทำเลได้สุดยอด มีทั้งพิพิธภัณฑ์ ร้านรวง โบสถ์ และซอกซอยเมืองเก่าให้ชมมากมาย เช้ามาเราออกเดินชมเมือง ฉากนี้ขออนุญาตินำเสนอ นางแบบหน่อยนะ แบบว่าจัดเต็ม ว่าไปการไปเที่ยวเองมันก็มีอิสระเสรี ได้เดินชมสถานที่ แล้วเช้านี้เราก็เดินกันแบบสบายๆ ใครอยากเข้าดูของร้านไหนก็ว่ากันตามที่สบายใจ ใครอยากเข้าโบสถ์ ไปเดินในตลาด ก็ว่ากันไป ฉากนี้ผมเจตนาเอารูปที่ติด Subject เป็นแบบมาให้ชม เพราะอยากบอกว่า เวลาเดินเที่ยวเห็นมุมแปลกๆลองเก็บภาพกันมาดูซิครับ มันดูสวยแปลกตา ฝากแต่ว่าเก็บติดฉาก และบรรยากาศรอบๆมาด้วยนะครับ

Sompong


สะพายกล้อง ตอนที่เจ็ด "Basque สีสรรบ้านเมือง....ที่เลื่องลือ"

Bilbao อยู่ทางเหนือของสเปน อยู่ทางใต้ของฝรั่งเศษ ดินแดนแถบนี้เคยรุ่งเรืองในอดีต เป็นแคว้นที่ชี่อว่า Basque ก็จะมีอะไรเก่าแก่ให้เราได้ชม ที่นี่จะมีย่านเมืองเก่าที่ยัง active อยู่มีร้านรวง พิพิธภัณฑ์ ถนนเล็กๆ แล้วก็มีการสร้างเมืองใหม่เพิ่มเข้ามาทางอีกฝั่งของแม่น้ำ ถ้าออกนอกตัวเมืองไป จะเป็นเขา ป่าไม้ สวยงามมากครับ ผมเจอเขา เจอป่าก็ตอนจะไปสนามบิน น่าจะพอมีรูปถ่ายมาบ้าง ถ้าใครไปแล้วมีเวลาแนะนำให้ไปชมนะครับ และอีกแห่งที่เลื่องลือกันคือชายหาด ซาน เซบาสเตียน ว่ากันว่า....สาวแต่งบิกินี อาบแดดกันทั้งหาด เราไม่มีเวลาเลยไม่ได้ไป...แต่ถึงมีเวลา ก็น่าจะโดนค้านจะสมาชิกจนญัตตินี้แทบไม่ต้องแปรกันเลย แล้วพลาดไม่ได้คือพิพิธภัณฑ์ที่มีรูปเจ้าหมายักษ์ประดับดอกไม้ พิพิธภัณฑ์นี้ชื่อกุกเก็นไฮม์ ชื่อนี้มีสองแห่งในโลกคือที่นี่ และที่ New York ก็ดั้นด้นไปชมมาแล้ว ลักษณะอาคาร Design โฉบเฉี่ยวล้ำสมัย เป็นที่ไผ่ฝันของไอ้เต็กสองคนที่ร่วมทริปอยากไปชมมาก เพราะถูกเอ่ยถึงมาตอนร่ำเรียนมาในทุกสถาบันเต็กเลยก็ว่าได้

วันนี้เราตื่นสายๆ ฐานะหัวหน้าทัวร์ผมแค่นำเสนอเวลาที่จะออกทัวร์ แต่ไม่มีอำนาจตัดสินใจและออกเสียง ทั้งหมดอยู่กับความเห็นชอบของลูกทัวร์ ส่วนมาก ก็จะเป็น แปดโมงครึ่ง หรือเก้าโมง เพราะที่นี่ชีวิตเขาจะเริ่มสายๆกัน แล้วไปจบดึกๆ เพราะสามทุ่มยังมีแดดอยู่เลย

ช่วงเช้าเราพากันเดินชมเมืองเก่าจนหนำใจกัน ตกเย็นเราก็ไปขึ้นรถ Hop on Hop Off ที่จองซื้อมาตั้งแต่เมืองไทย เราเอา Voucher ไปแสดงกับ พขร เขาก็จะออกตั๋วมาให้ เก็บกันไว้ให้ดี เพราะลงแล้ว จะขึ้นใหม่ต้องแสดงตั๋วทุกครั้งครับ รถจะพาวิ่งรอบทั้งเมือง เอาว่าชมภาพเลยก็แล้วกัน

Sompong


สะพายกล้อง ตอนที่แปด "ยังคงได้ความหนาว...ที่เมืองเหนือ"

เช้าวันต่อมาหลังจากทานอาหารเช้าแสนอร่อยที่โรงแรม โรงแรมนี้เป็นแนว Vintage เป็น B&B เราก็ตกลงไปแวะพิพิธภัณฑ์ อย่างที่บอกว่าโรงแรมเราห่างจากสถานี Metro แค่ร้อยห้าสิบเมตร แล้วตรงแถวสถานีก็มีพิพิธภัณฑ์ ถึงสองแห่ง เราเลยเลือกเข้าพิพิธภัณฑ์แห่ง Basque จริงแล้วแม้รู้จักกันในชื่อนี้ แต่ชื่อทางการเขาจริงๆ ไม่ใช่ชื่อนี้นะครับ ที่นี่มีปฏิมากรรมให้ดูกันมากมาย สัญญาลักษณ์เป็นหินสลักรูปหมี สลักโดยคนโบราณ ที่นี่ให้ถ่ายรูปได้เต็มที่ ก็มีมาฝากกันบ้าง เพื่อเป็นอรรถรสในการเล่าเรื่อง

จากนั้นเราก็พากันเดินไปที่จุดจอดรถ Hop on Hop off โดยใช้ตั๋วที่เราเก็นไว้จากเมื่อวาน เพราะเป็นการซื้อตั๋วแบบ 24 ขั่วโมง วันนี้นั่งกันไปลงที่สวนสาธารณะ เมื่อวานเราไปลง กุกเก็นไฮม์กันมาถ่ายรูปกันมาเต็มอิ่ม วันนี้ไปแค่ที่เดียว แล้วต้องรีบเผ่นไปสนามบิน ช่วงบ่าย หลังชมสวนต้องหาที่กินมื้อเที่ยง เดินกันออกมาให้จุดที่เราลงรถ เจอร้าน ที่นี่เขาจะมีร้านที่ทำอาหารพวกขนมปังหน้าปลา หน้าเนื้อหรือกุ้ง ไก่ หมู ผม ไม่แน่ใจว่าเขาเรืยกว่าอะไร รสชาด ประมาณแซนวิช อร่อย เราก็ซัดกันไม่ยั้งก่อนจับรถ Hop กลับมาเอากระเป๋าที่โรงแรม เมื่อเข้าผมถามพนักงานโรงแรมไว้แล้วว่าเราจะไปสนามบินยังไงไว้เรียบร้อย เขาอธิบายพน้อมจดรายละเอียดให้ว่าเราต้องขึ้น Metro ไปต่อรถบัสที่วงเวียนกลางใจเมือง ก็ห่างกันไม่มากครับ ตอนหาป้ายรถบัส มันมีจุดจอดเฉพาะ ก็มะงุมมะงาหรากันหน่อย ผมว่าการไปเที่ยวเองเรื่อง มะงุม มะงาหรานี่ถือเป็นเรื่องปกติครับ อย่าได้กังวล สุดท้ายก็ถามตำรวจ ได้คำตอบ จากนั้นเราก็ลากกระเป๋ากันไปรอที่ป้าย สักพักรถก็มา ใช้เวลาเดินทางด้วยรถบัสประมาณ ยี่สิบนาทีเศษ ก็ถึงสนามบิน สนามบินที่นี่สวยงามมาก เลยถ่ายรูปมาให้ดูกัน ถึงก่อนเวลาประมาณสามชั่วโมง บูธยังไม่เปิดก็นั่งเมาท์กันที่ร้านกาแฟ จนได้เวลา ลาจากเมืองเหนือที่แสนงาม Bilbao รอเจอกันเมืองหน้าอยู่ชายฝั่งตะวันออกของสเปน Barcelona

Sompong


สะพายกล้อง ตอนที่เก้า "อาคาร งานศิลป ของเกาดี้"

 เราลงเครื่องที่สนามบิน Barcelona ก็ดึกโข เจ้าลูกสาวพาเราขึ้นรถไฟฟ้า จากสามบินเข้าเมือง เออเจ้าขบวนนี้ต่างจาก Metro ทั่วไปเพราะไม่ยอมใช้ตั๋วร่วมกับใคร พาเข้าเมืองอย่างเดียว เรามาลงสถานีใกล้ๆโรงแรม แล้วก็ลากกระเป๋าไปอีกสามร้อยกว่าเมตรก็ถึงโรงแรม เช้าวันรุ่งขึ้นก็ออกตะลอนกัน เมืองนี้ไม่กว้างมากนัก สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้ๆกัน เดินถึงกันบ้างหรือต่อรถเมล์ รถไฟฟ้าไปบ้าง ชนิดใช้ตั๋วร่วม เมืองนี้มีสถาปนิก หรือ อาจเรียกว่าช่างศิลป ชื่อ เกาดี้ Gaudi ออกแบบอาคารไว้มากมาหลายแห่ง เน้นงานศิลปของรูปร่าง และพื้นผิวที่แปลกตา อาคารที่ถือว่าที่สุดคือ โบสถ์ หลังหนึ่ง ร้อยปีแล้วยังสร้างไม่เสร็จ หลังท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว สถาปนิคท่านอื่นก็มาสร้างต่อตามรูปแบบที่ท่านร่างไว้ ว่ากันว่าน่าจะอีกสิบกว่ายี่สิบปีจึงจะเสร็จ เจ้าโบสถ์แห่งนี้ ชื่อว่า La Sagrada Familia ถ้าใครจะเข้าชมด้านในควรต้องจองผ่านทางเว็ปนะครับ เพราะที่นี่จำกัดผู้เข้าชม และบัตรหน้าโบสถ์แพงกว่า และหมดเร็วมาก กลุ่มเราพลาดไปจองไม่ทัน

Barcelona ขึ้นชื่อเรื่องขโมยขโจรมาก ผมสะพายกระเป๋ากล้องไว้ด้านหลัง โดนรูดซิ๊บตรงกลางกระเป๋าไปสองครั้ง แต่เก็บพวกฟิลเตอร์ มันเลยไม่เอา แต่ที่สุดก็ต้องหากุญแจเล็กๆมาคล้องกัน

Barcelona เป็นเมืองท่าที่สำคัญของสเปนตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน จะมีถนนเส้นหลักวิ่งตรงไปยังท่าเรือที่ทะเล ตรงวงเวียนหน้าท่าเรือ จะมีอนุเสาวรีย์ โคลัมบัส ยืนชี้มือตระหง่านอยู่ และเจ้าถนนหลักนี้ก็มีแยกส่วนตรงกลางให้คนเดิน มีร้านรวงมาขายอาหาร และของชำร่วยมากมาย ถนนเส้นนี้สมัยก่อนน่าจะเต็มไปด้วยพวกเจ้าสัวพ่อค้า นักเดินเรือ จึงมีบ้าน อาคารใหญ่ๆ ของผู้มีอันจะกิน หรืออาจเรียก คฤหาส ก็อาจจะได้ เพราะมันเป็นอาคารใหญ่แค่มันไม่มีบริเวณ เพราะ สเปนเขาเรียกว่า Casa เกาดี เองก็ได้ถูกว่าจ้างให้ออกแบบ คฤหาส เหล่านี้ หลายหลังเหมือนกันบนถนนเส้นนี้

วันรุ่งขึ้นเรากลับไปที่โบสถ์ La Sagrada Familia อีกครั้งหวังว่าจะมีบัตรพอเหลือขายเราบ้าง แต่ก็ชวด เลยแวะร้านสโมสรฟุตบอลล์บาซ่า ข้างโบสถ์ ละลายทรัพย์แก้แค้นกันไป จากนั้นก็ขึ้นรถไฟฟ้า ไปต่อรถเมล์ ไปชมสวนอีกหนึ่งผลงานของเกาดีคือสวนสาธารณะ Parc Guell วันที่เราไปมีคนมาเล่นดนตรื และเต้น ฟรามิงโก้ ผบ ผมได้โอกาสเลยเก็บภาพมาฝากกัน ก่อนที่จะยกพวกกลับมาเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรม วันนี้เราแยกเป็นสองกลุ่ม ลูกสาวกับสามีเขาต้องกลับไปแมดริด ก่อนกลับไปกรุงเทพฯ ส่วนกลุ่มเราไปตะลุยสเปนกันต่อ เป้าหมายหน้าที่เมืองใต้ลงไปจาก Barcelona อีกหน่อย คือเมือง Valencia ต่อไปไม่มีลูกสาวมาเป็นมัคคุเทศน์ คงต้องพึ่งสองมัคคุเฒ่าแล้วละคราวนี้

Sompong


สะพายกล้อง ตอนที่สิบ "มนต์เสน่ห์ เมืองเก่าแก่ Valencia"

เมืองนี้ก็คล้ายกับอีกหลายๆเมืองในสเปน คือมีส่วนที่เป็นเมืองเก่า และส่วนของเมืองใหม่ เรานั่งรถไฟออกจาก Barcelona มาถึง Valencia (ออกเสียงว่า บาเล็นเซีย นะครับ) มาถึงก็ดึกแล้ว ขึ้น Metro สองต่อก็ถึงโรงแรมที่พัก ข้ามถนนเลยจากเขตเมืองเก่าไปนิดเดียวก็ถึงเลย พอเช้ามาเราก็มาขึ้น Hop on Hop off ที่ซื้อมาตั้งแต่เมืองไทย ท่องเข้าไปใจกลางเมืองเก่า จากนั้นเราก็เดินชมเมือง เมืองนี้มีชื่อมากเรื่องเซอรามิค เจอร้านของว่างขึ้นชื่อ ชื่อร้าน Horchateria de Santa Catalena ร้านนี้เป็นที่กล่าวขวัญกันในเว็ปพันธุ์ทิพย์ ยกความดีให้คุณจี๊ดที่เก็บข้อมูลมาอย่างดี ขอลองหน่อย เห็นว่าที่ขึ้นชื่อคือ น้ำถั่วเหลืองร้อน เราก็สั่งมาทานกับปลาท่องโก๋สเปน จิ้มช๊อกโกเล็ตร้อน อร่อยเข้ากันมาก นอกจากของว่างจะอร่อยแล้วภายในร้านยังประดับด้วยเซอรามิคสวยงาม จากนั้นเราก็แวะเข้าโบสถ์ ออกจากโบสถ์ก็เดินชมเมืองเก่ากัน จนไปถึงป้อม Torres de Serranos ผบ ผมชอบมากต้องถ่ายภาพมาให้ได้....จัดไป ป้อมนี้ถือเป็น แลนด์มาร์ค หนึ่งของเมืองนี้ทีเดียว ในส่วนของเมืองเก่าเราเดินไปค่อนวัน

อาหารเที่ยงก็หาทานกันในร้านแถบเมืองเก่า ปกติอาหารฝรั่งจะมันๆ เลี่ยนๆ แต่ที่สเปน เข้าร้านใหนก็อร่อย ที่นี่อาหารขึ้นชื่อของเขาอย่างหนึ่งคือข้าวผัด แต่มันไม่อร่อยข้าวเหมือนสุกๆดิบๆ แต่อย่างอื่นอร่อย อีกอย่างที่อร่อยคือขาหมูเค็ม เขาจะหั่นเป็นชิ้นบางๆมาให้ เราเดินกันจนเมื่อย เห็นทีต้องออกจากเขตเมืองเก่าไปดูอาคารที่ได้ชื่อว่า Modern design แห่งหนึ่งของโลก เราต้องนั่งเจ้า Hop วงแรกสีแดง ไปต่อวงสีน้ำเงิน แค่ซื้อทีเดียวใช้ได้ทั้งสองวง เป้าหมายหลักคือ City of Arts and Sciences วันนี้แยกกับลูกสาวแล้ว มัคคุเฒ่า สมพงษ์ ต้องนำทัวร์แล้วละ โดยมีคุณอั๋นเป็นคนช่วยอีกแรง แล้วรอเจอกันตอนหน้านะครับ

Sompong


สะพายกล้อง ตอนที่สิบเอ็ด "สถาปัตยกรรม....สท้านโลก"

เล่าต่อจากฉากที่แล้ว หลังจากชมเมืองเก่าของ Valencia เดินกันจนหมดแรง ตกบ่ายวันนั้น เราก็ขึ้นรถ Hop สายสีแดง ไปต่อ สายสีน้ำเงินที่จะวิ่งไปถึงท่าเรือ ก่อนถึงท่าเรือเราจะผ่าน ดง สถาปัตยกรรม ทันสมัยสวยงาม เจ้าลูกสาว มันเรียน สถาปัตย์ สั่งฝากว่าต้องมาเก็บรูปที่นี่ไปฝากด้วย ที่นี่ชื่อ City of Arts and Sciences ผมได้ภาพสวยๆมาหลายรูป ที่สเปน นี่เวลาฝนจะตก มันก็เทลงมา บางทีก็เล่นหนักๆเลย แต่พอจะหยุดก็หยุดเอาดื้อๆ ตอนเราขึ้นรถมา ก็ทำท่าจะมีฝน แต่พอลงรถแดดก็ออกจ้าเลย ถือว่าโชคเข้าข้าง

ตรงศูนย์นี้ถึงกับมีภาพไปลงบนปกหนังสือ เดี๋ยวผมจะหามาให้ดู เราไม่ไดเข้าไปข้างในด้วยสองเหตุผลครับ คือเวลาไม่พอ และแรงก็ไม่พอ เราเที่ยวชมที่นี่จนถึงทุ่มหนึ่งได้ ก็ขึ้นรถ Hop สายสีน้ำเงิน ไปต่อสายสีแดง ไปลงใกล้โรงแรม แล้วไปหาข้าวเย็นทานกัน ตอนนี้มีภาพของกิจกรรมในวันรุ่งขึ้นติดมาให้ดูนิดหน่อย เอาไว้ผมเล่าเรื่องให้ฟังในตอนหน้านะครับ

Sompong


สะพายกล้อง ตอนที่สิบสอง "Valencia ขึ้นชื่อ ลือเลื่อง เมืองดินเผา"

เช้าวันต่อมา ฝนตกตั้งแต่กลางคืนจนถึงเช้า วันนี้ เรามีเวลาชมเมือง Valencia ถึงบ่าย แล้วต้องรีบ ไปจับรถไฟ ไปเมืองทางใต้ วันนี้มีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ อยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งผมหมายตาว่าอยากไปตั้งแต่ดูจากแผนที่เมื่อวาน แล้วเรานั่งรถ Hop ผ่านหน้า พิพิธภัณฑ์ นี้ด้วย ยิ่งวันนี้ ฝนก็ตก เข้าชมในอาคารดีกว่าจะได้ไม่ต้องตากฝน พิพิธภัณฑ์ นี้ชื่อยาวมาก คือ Museo Nacional De Ceramica Gonzales Marti หรือเรียกสั้นลงหน่อยว่า The National Ceramic Museum ในชื่อเต็มยศ แน่ๆ ชื่อหลังคือชื่อเจ้าของคฤหาส ที่ตั้ง และน่าจะเป็น ทายาท ของตระกูลเก่าแก่ที่มี ของสะสมมากมาย แห่งนี้ ปกติที่นี่มีค่าเข้าชม สาม ยูโร แต่วันที่เราไป ให้เข้าฟรีครับ แม้กระทั่ง ล็อกเกอร์ ผมหยอดไป หนึ่งยูโร ตอนไปเปิด ตู้ก็ยังคืนมา เราพากันขอบคุณ คุณ Manuel Gonzales Marti ว่าช่างใจดีมากมาย ที่นี่มี ของสะสมทั้งเก่าใหม่มากมาย เช่น รถเทียมม้า สมัย ศตวรรษ ที่ 18 แน่นอนมีงาน เซอรามิค สวยงามล้ำค่ามากมาย ละลานตาไปหมด
เอาว่าทั้งเช้า เรา ชมพิพิธภัณฑ์นี้ รวม เดินทางไปกลับก็หมดเวลา เรากลับมาทานเที่ยงที่ร้าน ตุรกี ใกล้โรงแรม ผมเลยได้ถ่ายภาพโคมไฟเพดานตระการตามาฝากเสียหน่อยก่อนไปเอากระเป๋า ลากไปต่อรถไฟฟ้า สองต่อ ถึงสถานีรถไฟ
เมืองหน้าของเราคือ Sevilla หรือ ออกเสียงแบบท้องถิ่นที่หลายท่านคุ้นๆว่า เซบีย่า ตอนผมจองตั๋วรถไฟ ผมค่อนข้างกังวล เพราะตอนแรก ไม่เห็นมีรถไฟวิ่งตรงจาก บาเลนเซีย ไป เซบีย่า ซึ่งอยู่ทางใต้ มีแต่รถไฟความเร็วสูงวิ่งเข้า แมดริด แล้วยังต้องใช้รถไฟความเร็วสูง วิ่งจาก แมดริด ไป เซบิย่า นอกจากค่ารถไฟจะแพงแล้วยังเสียเวลา เดินทางมากโขอยู่ กำลังคิดว่าจะใช้บริการสายการบินต้นทุนต่ำอยู่แล้ว บังเอิญเปิดเข้าไปใน www.renfe.com อีกรอบแล้วเจอรถไฟความเร็วสูงวิ่งตรงถึงเลย ได้การละจองเสียเลย อย่าที่บอกไว้ในฉากแรกๆว่ารถไฟ Renfe เปิดให้จอง 62 วันล่วงหน้า ถ้าเราดูตารางเดินรถก่อนหน้านั้น ข้อมูลอาจจะคลาดเคลื่อน หรือ ไม่สมบูรณ์ แต่ขอแนะนำว่า ผู้ที่จะใช้บริการควรจองแต่เนินๆเหมือนกัน อาจจะได้ราคาดี และไม่เสี่ยงที่รถไฟจะเต็มด้วย
มีเรื่องตื่นเต้นเล็กน้อยตรงหลังจองไปแล้วดูตั๋ว ปรากฏว่าเราต้องไปต่อรถไฟอีกขบวนระหว่างทาง แล้วเรามีเวลาแค่ สิบสอง นาที ช่างบีบหัวใจเหลือเกิน...แล้วเราเจออะไรกันบ้าง มาเล่าให้ฟัง ตอนหน้านะครับ

Sompong


สะพายกล้อง ตอนที่สิบสาม " วัฒนธรรมโบราณ....ในชื่อสถาน Alhumbra "

ฉากที่แล้วเล่าค้างไว้ว่า เราเดินทางจาก บาเล็นเชีย (Valencia) ไปเซบีย่า ( Sevilla) แล้วทิ้งท้ายไว้ว่า
"มีเรื่องตื่นเต้นเล็กน้อยตรงหลังจองไปแล้วดูตั๋ว ปรากฏว่าเราต้องไปต่อรถไฟอีกขบวนระหว่างทาง แล้วเรามีเวลาแค่ สิบสอง นาที ช่างบีบหัวใจเหลือเกิน...แล้วเราเจออะไรกันบ้าง มาเล่าให้ฟัง ตอนหน้านะครับ"
ตอนนั่งรถไฟเรากระวนกระวาย เพราะ ขบวนนั้นดัน late ไปสิบนาที ตอนจะไปถึงเมือง Cordoba ตายละหว่าจะทำยังไงดี ตกรถไฟกินข้าวลิงที่นี่พอว่า แต่เราต้องจับรถไฟขบวนแรกไป Granada แถมทัวร์ก็ซื้อไว้แล้ว พอรถไฟจอดเรารีบลงกัน ขนกระเป๋าใบใหญ่ลงอย่างทุลักทุเล ใหนบอกว่ารถไฟอีกขบวนจะต้องมาจอดเทียบชานชลาข้างๆรอ ไม่เห็นมีเลย หรือมันออกไปแล้ว???? อารามกำลัง งง แล้วเราก็เหลือบเห็น เจ้าหน้าที่รถไฟสาวสวยยืนยกป้าย Sevilla เป็นอันว่ารถยังไม่เทียบ แล้วพวกเราก็ไม่ได้ตกรถไฟ เรารอสักครู่รถก็เข้าเทียบ แล้วเราก็ขนกระเป๋า พร้อมผู้โดยสารต่อรถไฟไป Sevilla โดย สวสดี ถึงปลายทางก็แค่เข้าคิวรอแท็กซี่ เอาชื่อพร้อมที่อยู่ที่โรงแรมให้ แท็กซีดู เขาก็พยักหน้า พาเราขับปรูดปราด เข้าถนนเล็กๆในส่วนเมืองเก่า แป๊ปเดียวก็ถึงโรงแรม โรงแรมนี้เป็นแบบ บูติ๊ก เครื่องดื่มต้อนรับเป็นเบียร์ ก็เรียบร้อย ผมกับคุณอั๋น
เช้ามาเราต้องเดินทางไปชมวังแขกมัวร์ อยูอีกเมือง ชื่อ Granada เราจะไปชมวังกันที่Alhumbra และ Natural life จาก Sevilla ถึง Granada ต้องนั่งรถไฟถึง สามชั่วโมงเศษ ที่นี่เป็นที่มีอารยธรรมแขกมัว กับคริสต์ ระหว่างการเดินทางเราเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิดกันมาก่อนเลย.....อูยยย ท่าจะเขียนยาวไปแล้วเอาไว้เล่าต่อตอนหน้าก็แล้วกันนะ

Sompong


สะพายกล้อง ตอนที่สิบสี่ "เงาอารยธรรม...นคร อัลฮัมบลา"

ตามที่เล่าค้างไว้ในฉากที่แล้ว ว่าการเดินทาง ไปชม เมืองอารยธรรมเก่าแก่ ของชาวแขกมัวร์ ผสมกับ งานก่อสร้างของชาวคริสต์ ในบริเวณเดียวกัน ที่ชื่อว่า อัลฮัมบรา ที่นี่มีพระราชวังของชาวแขกมัวร์ ชื่อ Nasrid Palace เป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามมาก บริเวณอัลฮัมบลานี้เป็นส่วนหนึ่งของเมือง Granada เมืองนี้อยู่ห่างจาก Seville ที่พักเราประมาณ สามชั่วโมงครึ่ง เมื่อเดินทางด้วยรถไฟ แม้เราจะจับรถไฟเที่ยวแรก ออกหกโมงครึ่ง เราจะไปถึง Granada ประมาณสิบโมงเศษ แล้วการเข้าชมสถาที่นี้ ถือเป็น High Light ของสเปนเลยก็ว่าได้ ดังนั้นถ้าไม่จองมาล่วงหน้า เจ้าก็อย่าหวัง ขนาดจะจองล่วงหน้าก็เกือบชวด เพราะวันหนึ่งเขาให้ชมเป็นสองช่วง รอบเช้าเริ่ม 9:00 น. รอบบ่าย 14:00 น. เราอยู่ไกล ไปถึงก็สายแล้ว และต้องรีบกลับ เราเลยจองเป็นกลุ่ม แล้วขอให้ไกด์เริ่มเวลา 11:00 น. ถึงราวบ่าบสอง เราต้องเผ่นมาขึ้นรถไฟ ซึ่งไม่ใช่เวลาปกติของเขา ผมต้องส่ง email ไปขอเปลี่ยนเวลากับเขา เขายอมเปลี่ยนเวลาให้ ผมจึงรู้สึกโล่ง เมื่อเขายอมขยับเวลา จริงๆแล้วเราควรต้องค้างที่ Granada สักคืนถึงจะดี แต่เราจองรถไฟ ล็อคไว้เสียก่อนแล้ว

เรื่อง surprise ที่ค้างไว้จากตอนที่แล้ว คือว่า เราจองตั๋วรถไฟจาก Seville ไปGranada เราเห็นอักษรภาษาสเปนหมายเหตุเล็กๆหนึ่งบรรทัดตรงมุมล่างซ้าย ในนั้นมีคำที่เราอ่านเข้าใจแค่คำเดียวคือ bus เราทั้งกลุ่มตื่นกันแต่เช้า ดีใจว่าเราจับรถไฟทัน ไม่มีปัญหา แต่พอนั่งรถไปได้ประมาณสองชั่วโมงเศษ รถก็จอดที่สถานีหนึ่ง คนทั้งตู้พากันลงจากรถไฟ เขาไปไหนกัน มันยัง ไม่ถึง Granada เลย สักครู่ การ์ดรถคนเดิมที่พูดสเปนกับเราตอนเราขึ้น แต่เราก็ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร เขาเดินมาหาผมแล้วทำมือเหมือนจะจับพวงมาลัยขับรถ เราเลยปะติดปะต่อเรื่องได้ความว่า คงต้องลงสถานีนี้แล้วไปต่อรถบัสแหงๆ ลงได้เดินมาด้านหน้าสถานีก็เจอรถบัสจอดรออยู่หลายคัน

เขาพาเราไปส่งยังสถานีรถไฟที่ Granada ถามได้ความว่ารางรถไฟบางช่วงกำลังปรับปรุงสำหรับรถไฟความเร็วสูง จากนั้นเราก็จับเท็กซี่ไปยังสำนักงานของทัวร์ที่จองไว้ พอใกล้เวลานัด เธอก็ยิ้มหวานมาแนะนำตัวกับเรา แล้วทัวร์ อัลฮัมบลาก็เริ่มขึ้น

Sompong


สะพายกล้อง ตอนที่สิบห้า "ท่องเซบีย่า...ท่ามกลางสายฝน"

หลังจากที่ เรากลับกันมาจาก Granada มาถึง เซบียา (Seville) ในวันที่ 5 มิ.ย 2016 ก็มืดแล้ว ภาพในฉากนี้ ได้ถ่ายทิวทัศน์ไร่มะกอก ในช่วงนั่งรถกลับ วันรุ่งขึ้นเรามีเวลากันค่อนวันก่อน ที่จะจับรถไฟความเร็วสูงกลับไปที่ Madrid เราจอง Hop On Hop Off ไว้ทางเน็ตตั้งแต่กรุงเทพฯ ตอนเดินไปหาป้ายจอดก็ไกลโข แถมฝนยังตกพรำๆ หนาวก็หนาว....ที่สุดเราก็ได้นั่งรถชมเมือง แต่รถไม่ได้พาไปย่านเมืองเก่า ที่อยู่ใกล้โรงแรมเรา

เรานั่งรถชมเมืองจนเที่ยง รีบลงมาหาข้าวเที่ยง....คุณอั๋นแนะนำร้านอาหารญี่ปุ่นที่มาสำรวจไว้เมื่อคืน เราต้องเดินฝ่าสายฝนพรำๆ พอมาถึงร้านอาหาร ฝนมันก็เทลงมา จนไม่ลืมหูลืมตา จนเราทานมื้ออร่อยเสร็จ เอ๊ะฝนเริ่มเพลาลงอย่างน่าแปลกใจ

คุณอั๋น/จี๊ดกับเพื่อนอีกสองคน ขอแยกไปช๊อปปิ้งตรงห้างที่เราลงรถ ผม กับ ผบ สูงลิ่ว ขอบาย เลยมาเดินอยู่หน้าร้าน เห็นสถาปัตยกรรมแปลกๆ ชื่อ Marche De La Encarnacion คำว่า Marche น่าจะมาจาก Market และชั้นล่างมันเป็นตลาดจริงๆ เดินซื้อผลไม้อยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นฝนก็หยุดตกเป็นปลิดทิ้ง....และไอ้เจ้าสถาปัตย์รูปทรงแปลกๆนี้ก็มีลิฟให้ขึ้นชม เก็บคนละสามยูโร....ไหนๆก็ไหนๆ เสียตังส์ขึ้นไปชมหน่อย แล้วเราก็ต้องตื่นตาตื่นใจ กับทิวทัศน์ของเมืองเซบิย่า....พักใหญ่ฝนก็เริ่มเป๊าะแป๊ะอีกแล้ว เราเลยรีบลง...เพราะกลัวมันจะเทลงมาอีก.....เก็บภาพสวยๆมาฝากกันพอประมาณ..........จนกลับมาเมืองไทยเห็นจากหนังสือบ้าง ในทีวีบ้าง จึงได้รู้ว่า ที่นี่คือหนึ่งในสถาปัตยกรรมล้ำสมัยระดับโลก...เราเลยคิดว่าเพราะฟ้าท่านเมตตาแท้ๆ เราเลยได้ขึ้นไปชมที่นี่...ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้