พฤศจิกายน 22, 2024, 06:31:12 ก่อนเที่ยง

ข่าว:

SMF - Just Installed!


รายงานการท่องเที่ยว Hokkaido (ฮอกไกโด) ภาค 2

เริ่มโดย Annop, มกราคม 20, 2014, 06:44:34 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

Annop

เริ่มวันที่ 3 ซะที หลังจากไปรวบรวมสมาธิอยู่พักนึง
เช้านี้กินอาหารเช้าที่โรงแรม เช็คเอ้าท์ ฝากกระเป๋า แล้วออกมาเดิน เดิน เดิน
วันนี้จะไปเที่ยว Otaru Music Box Museum เค้าว่าเดินจากโรงแรมไม่ไกล
เดินก็ไม่ไกลนัก มีอะไรดูไปตลอดทางเช่น
มีร้าน Music Box เหมือนกัน แต่ยังไม่ใช่ Museum ที่จะไป



ร้านขนมอร่อย LeTAO เดี๋ยวจะลองว่าอร่อยไหม ฮึฮึ..



แล้วก็...ถึงแล้ว นาฬิกาไอน้ำ หน้า Museum



ข้างในก็มีกล่องดนตรีมากมาย ถ้ามีเวลามากจะทำเองก็ได้



ของเก่าก็มีอวดโฉมให้ถ่ายรูป เข้าชมฟรี ถ่ายรูปก็ฟรี ....



ถ่ายรูปกันพอสมควร กลับไปหาของอร่อยกินดีกว่า ที่เล็งไว้เลย LeTAO



แป๊บเดียว...อร่อย อร่อย



อิ่มแล้วเดินเที่ยวต่อ ทดลองเขียนปากกาแก้ว และอื่นๆอีกมากมาย



ตอนบ่ายแก่ๆก็หาอาหารรับประทานกัน แถวนั้น ซูชิ ขึ้นชื่อมีหลายร้าน เลือกสักร้านแล้วเข้าไปเลย อร่อย
เมื่ออิ่มดีแล้วก็เดินครับ กึ่งเที่ยว กึ่งกลับโรงแรมไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ ลากไป JR เดินทางต่อไป Sapporo
เอาของที่ซื้อมาเมื่อกี๊ลองกินดู รถไฟเขานั่งสบายจริงนะ นี่แหละ Reserved Seat
จะไปไหนพยายาม Reserved Seat นะครับ ฟรีด้วย สบายกว่ายืน ..... เยอะเลย



ถึงแล้วครับ Sapporo เย็นอีกแล้วครับ ลากกระเป๋าเข้าพักที่ Hotel Monterry Sapporo
ตอนนี้สบายหน่อยครับ อยู่ที่นี่หลายวัน ไม่ต้องขนกระเป๋าขึ้นรถไฟ ลงรถไฟ อีกแล้ว เฮ...(อย่าลืม..ตอนกลับ)
บรรยากาศ ภายในโรงแรม ยามเย็น



ตื่นเช้า วันที่ 4 ของการท่องเที่ยว รับประทานอาหารที่โรงแรม (ธรรมดาจะไม่ค่อยได้กินที่โรงแรม)
วันนี้สบาย สบายไป Shopping ดีกว่า ขึ้นรถไฟผ่านไปผ่านมาที่สถานี Minami-Chitose (มินามิชิโตเซะ)
เห็น Rera Outlet อยู่ใกล้ๆสถานี ถึงสถานีแล้วก็เดินไม่ไกล มองเห็นอยู่ ไม่มีหลง



มีรถบริการฟรี ไป-กลับสนามบิน แต่เราไม่ได้ใช้หรอก



มอเตอร์ไซร์ก็มีให้ดู คงไม่ได้ขาย



ช๊อป ช๊อป ช๊อป กันจนหิว ก็หาของกินใน Outlet นั้นแหละ ไปพบร้านราเมงน่ากิน เข้าไปทันที
อันที่มีสาหร่ายเยอะๆ เป็นตัว Top สุดของร้านแหละ



นี่หน้าร้าน เอามาให้ดูกัน เผื่อใครอ่านออก



วันนี้ไม่มีอะไรมาก ช๊อปกันทั้งวัน ได้ของกันคนละหลายอย่าง เอาไปทดลองเพ็คกระเป๋า ไม่ต้องลากแล้ว สบาย..

เริ่มเช้าวันที่ 5
วันนี้กินข้าวเช้ากันเองแบบรวดเร็ว กินที่โรงแรมไม่ทัน รถไฟ JR ออกจากสถานี Sapporo 8:02 น. ต้องรีบกันหน่อย
ตั้งใจว่าจะไปดู พิงค์มอร์ส ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า Shibazakura (ชิบะซากุระ)
เริ่มมีตั้งแต่ ตันเดือน พค. ถึง กลางเดือน มิย. ดูตาม Link จะเห็นว่าต้องไปที่ Takinoue Park (ทะคิโนะอุเอะ)

http://takinoue.com/?english

วันนี้ไปผจญภัยกัน พยายามหาข้อมูลก็ไม่ค่อยมีข้อมูลมากนัก
เดินทางยากนิดนึง (ต่อรถหลายต่อ แล้วก็ต้องทำเวลา) ลองดูว่าไปยังไงนะ
เริ่มออกจาก Sapporo 8:02 น. ด้วยรถด่วน ไปถึงสถานี Shin-Yubari 8:58 น.
แล้วนั่งรถธรรมดา ออกจากสถานี Shin-Yubari  9:01 น. ย้อนกลับ 2 สถานี (Takinoue รถด่วนไม่จอด)
ถึงสถานี Takinoue 9:10 น. จะเห็นว่ามีเวลา 3 นาที ในการลงจากรถด่วน และไปขึ้นรถธรรมดาให้ถูก

นี่เป็นการพักผ่อนสบายๆจาก Sapporo ถึง Shin-Yubari (Reserved Seat)



พอถึง Shin-Yubari ก็รีบลง และรีบไปขึ้นรถธรรมดากันภายใน 3 นาที ก็ทันนะ ขึ้นเลย ...
สถานีนี้คงเป็นที่เปลี่ยนรถ มีรถธรรมดา จอดรออยู่ 2 ขบวนคือ ไปข้างหน้า และย้อนกลับ
เราชอบที่จะเป็นนักบุกเบิก ชอบที่จะไปข้างหน้า ... นึกอีกที เราต้องย้อนกลับนี่นา ...
ไอ้ที่ขึ้นทันหนะ ลงสิครับ รีบเลย เดี๋ยวไปไหนไม่รู้ ... ลงทันครับ แต่รถที่เราจะนั่งย้อน มันออกไปแล้ว...

ทำยังไงหละทีนี้ ...เริ่มสนุกแล้ว
ถามนายสถานีซึ่งมีอยู่คนเดียวได้ความว่า รถอีกคันนึงกว่าจะมาก็บ่าย 2 โน้น ไปแท๊กซี่เถอะ ประมาณ 2,000 เยน
เลยโทรไปเรียกแท๊กซี่ให้มารับที่สถานี Shin-Yubari และไปส่งที่ Takinoue Park แต่เรื่องที่อัศจรรย์คือ
ไม่รู้คุยกันรู้เรื่องได้ยังไง ตั้งแต่นายสถานี กับโทรไปเรียกแท๊กซี่ เราก็พูดภาษาเรา เค้าก็พูดภาษาเค้า
ไม่รู้เรื่องก็หัวเราะกันไป หัวเราะกันมา แต่ก็ได้แท๊กซี่มาคันนึง เห็นไม๊ พูดกันไม่รู้เรื่องก็คุยกันรู้เรื่องจนได้
ระหว่างรอแท๊กซี่ ก็ไปหาที่ถ่ายรูปดอก ชิบะซากุระ ก็พอมีอยู่แถวๆสถานี พอหาถ่ายได้



ตัดกลับมาตอนจะขึ้นแท๊กซี่ พอสมาชิกทั้ง 5 จะขึ้นเท่านั้น คนขับก็โวยวายใหญ่ ว่าไปได้แค่ 4 คน
ไม่รู้จะโวยวายทำไม เราก็รู้อยู่แล้วว่าไปได้แค่ 4 คน แต่...นึกแบบไทยๆ ก็น่าจะได้นะ 5 คนเอง
เลยตกลงไป 2 เที่ยว โดยผมไปก่อน 2 คน ทิ้งสาวๆไว้ 3 คน ค่อยกลับมารับ
ขณะนั่งแท๊กซี่ก่อนถึง Takinoue Park ก็เห็นแล้วสถานี Takinoue ขากลับต้องขึ้นรถที่นี่ ค่าแท๊กซี่ 2,200 เยน

ขณะที่ทิ้งสาวๆ 3 คนไว้ รอแท๊กซี่กลับมารับ ก็มีเรื่องน่าประทับใจจากชาวญี่ปุ่นเกิดขึ้น ...
ไม่รู้พวกหล่อนไปเดินเที่ยวกันยังไง หรือทำท่าหิวโหยยังไงไม่ปรากฏ มีชาวบ้านญี่ปุ่นแถวนั้น คงนำกล่องข้าว
มากินกลางวันกัน แล้วเห็นคุณๆเธอนั่งน้ำลายไหลอยู่ ก็ได้แบ่ง Melon ให้กินด้วย
แหม...คุณเธอก็ไม่เกรงใจกันเลยแหละ แถมยังมาเล่าให้ฟังว่า หวานมากมาก
นี่ยังดีนะที่มีขนมที่ซื้อมาจาก Hakodate ติดไม้ติดมือไปด้วย ได้แบ่งให้เค้ากินบ้าง

แท๊กซี่เที่ยวหลังนี่ถูกกว่าเที่ยวแรกอีก ค่าแท๊กซี่ 2,150 เยน
แท๊กซี่ไปส่งไม่ผิดแน่ๆ เพราะเห็นป้ายเลย Takinoue Park ที่แปลกก็คือ เห็นที่จอดรถใหญ่มาก แต่ไม่มีรถจอด
รอบๆที่จอดรถก็มีร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆอยู่หลายร้าน แต่ไม่มีร้านไหนเปิด ไม่พบผู้คนอื่นๆนอกจากพวกเรา
ถ้าจะตลาดวายซะแล้ว ดอกชิบะซากุระก็มีน้อยมาก ไม่เหมือนใน Web เลย

ไหนๆก็มาแล้วลองเที่ยวๆ Park ก่อนละกัน



มีดอกอื่นๆ สวยๆมากมาย แต่ไม่มีดอกที่จะมาดู



ก็ถ่ายกับดอกอื่นๆละกัน



เดินเที่ยวกันเป็นที่เจริญหูเจริญตาก็เริ่มหิว ร้านอาหารก็ไม่มี เสบี่ยงที่พกมาก็น้อย ขนมปังเก่าๆก็ดูจะอร่อยเป็นพิเศษ
เมื่อไม่มีอะไรทำแล้ว ร้านอาหารก็ไม่มีกิน กลับดีกว่า ก็เดินไปที่สถานี Takinoue ที่หมายตาไว้
ไม่มีใครหรอกครับที่สถานี ไม่มีอะไรขาย ไม่มีอะไรกิน รถที่จะมีมาอีกก็บ่าย 2 กว่าๆ งานนี้ต้องทนหิวสักหน่อยแล้ว

นั่งรอที่สถานีไม่รู้จะทำอะไร พวกหล่อนๆทั้ง 3 (3 คนเดิมอีกนั้นแหละ) ก็ไปเดินเล่นดีกว่า เผื่อจะมีร้านอาหารเปิดบ้าง
ไปเจอคนญี่ปุ่นอีกแล้ว (แถวนั้นคนญี่ปุ่นยังหายากเลย) เลยพยายามถามเค้าว่ามีร้านอาหารไหม
เนื่องจากพูดกันไม่รู้เรื่อง คงใช้ภาษาใบ้ แสดงท่าทางหิวโหยออกมาอย่างน่าสงสาร จนชาวญี่ปุ่นรู้เรื่อง
ไม่มีครับ แถวนี้ไม่มีร้านอาหาร เอาขนมนี่ไปกินรองท้องไว้ก่อนละกัน ก็เลยได้ขนมมาอีก 2-3 ถุง
ก่อนเดินออกมาพร้อมขนม อีกคนนึงยังเรียกให้เอาน้ำไปด้วย ... เจอน้ำใจของชาวบ้านญี่ปุ่นอีกแล้ว ...
ขนมเราก็กินหมดแล้ว คราวนี้รับอย่างเดียว ไม่มีสินน้ำใจอะไรไปให้เขาเลย ได้แต่ความประทับใจกลับมา



วันนี้เจอเรื่องน้ำใจงามๆจากชาวญี่ปุ่น 2 ครั้งเลย เวลารถไฟก็ใกล้จะมาแล้ว รอรถไฟกลับดีกว่า



หมายเหตุ สำคัญ
เมื่อกลับมากรุงเทพแล้วลองตรวจสอบดูใหม่ ถ้าจะไปเที่ยวดูดอก ชิบะซากุระ ตามใน Web ควรจะลืมวิธีไป
ของวันนี้เสีย เพราะน่าจะเป็นคนละที่กัน น่าจะอยู่ทางตอนเหนือของ Asahikawa
ตามที่อยู่นี้ Motomachi Takinoue-machi Monbetsu-gun Hokkaido
อยู่ห่างจากสนามบิน Monbetsu นั่งรถไปอีก 40 นาที
นอกจากที่นี่ ยังมีอีกหลายที่ลองดูรายละเอียดได้ตามข้างล่างครับ

http://www.yokosojapan.org/event/mar10-02.html

เมื่อกลับถึง Sapporo ก็ยังไม่เย็นนัก ประมาณ 4 โมงเย็น แต่เนื่องจากความหิวยังติดพันตกลงกันว่าไป กินปู ดีกว่า
นั่งรถใต้ดินสายสีเขียว (สายนัมโบะกุ) จาก Sapporo ไปลงที่ Susukino (ซุซุกิโนะ) 2 สถานี  200 เยน
พอโผล่ขึ้นมามองไปรอบๆก็เจอ เห็นปูมันขยับๆ อยู่บนร้าน เข้าไปเลยครับ หิวนิดๆเอง



สั่งมาชุดแรก เป็นชุดปู 10 อย่าง บางคนก็เรียกสุกี้ปู ขุดนี้ 11,000 เยน



ตัวก็ใหญ่พอควรนะ แต่ว่า 5 คนที่กำลังหิว ก็หมดไปในเวลาไม่นานนัก อยากจะสั่งเฉพาะปูมาเพิ่ม



มีผู้แนะนำให้กิน TarabaGani (ปูทะระบะ) ลองสั่งมาเลยครับ ตัวละ 19,000 เยน อันนี้ใหญ่ถึงใจเลยครับ



ให้เรากินอยู่คนเดียว อิ่มแล้ว อร่อย ...



มื้อนี้หมดไป 31,183 เยน ประมาณ 10,000 บาท 5 คน 2,000 บาทเอง จ่ายเงินแล้วสบายใจ ....



หมายเหตุ
ถ้าไปหากินปูทะระบะ ที่อื่นๆเช่นไปสั่งที่ Otaru ตามข้างทาง ควรจะดูให้เป็นนะ เพราะปูอื่นถูกกว่ามาก
วิธีดูก็ลองดูจากที่นี่ http://www.marumura.com/food/?id=414

เมื่ออิ่มแล้วก็ไปชอปปิ้งต่อ แถวนี้ยังไงก็เดินผ่าน เพราะอยู่ระหว่างร้านกินปูกับโรงแรม Monterry
มีร้านค้ามากมาย ขายของค่อนข้างถูก ย่านนี้เรียกว่า ย่านการค้าทานุกิโคจิ



มี Kitkat ชาเขียวด้วย ลุยเลย ของหายาก ทั้งเซเว่น ทั้งลอสัน ไม่มีเลย (ทั้งเซเว่น ทั้งลอสัน มีเบียร์ราคายุติธรรม)



นี่หน้าร้าน ถ้าผ่านไปเจอ แวะเข้าไปดูเลยครับ มีอีกหลายอย่างน่าสนใจ



ได้ของกันพอสมควรแล้วก็เดินกลับโรงแรม แวะพักผ่อนที่สวนสาธารณะโอโดริโคเอ็ง



หมดวันที่ 5 แล้ว พักขาพอหายเมื่อยก็เดินกลับโรงแรมตามเคยครับ (ขามานั่งรถใต้ดิน ขากลับเดิน...)
พรุ่งนี้จะไปดู ลาเวนเดอร์ คงต้องไว้ต่อภาค 3 นะครับ น่าจะเป็นภาคจบของทริปนี้แล้ว
ว่าจะสรุปค่าใช้จ่ายให้ดูด้วย โปรดดิดตามตอนด่อไป ...