พฤศจิกายน 22, 2024, 08:17:22 ก่อนเที่ยง

ข่าว:

SMF - Just Installed!


รายงานการท่องเที่ยว Hokkaido (ฮอกไกโด) ภาค 3 ตอนจบ

เริ่มโดย Annop, มกราคม 20, 2014, 06:52:58 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

Annop

ว่าจะรวบรวมตอนสุดท้ายให้เสร็จตั้งนานแล้ว มัวแต่ไปทำอย่างอื่นจนไม่ได้ทำเสียที่
ตอนนี้ได้โอกาสอันดี ไม่ส่งเป็น E-Mail แล้ว เอามารวมไว้ใน Web Board เสียเลยดีกว่า
นานแล้ว....เกือบลืมหมดแล้ว ....

เริ่มวันที่ 6 ของการท่องเที่ยว
วันนี้จะไปเที่ยวชม ดอกลาเวนเดอร์ ช่วงวันที่ 8 มิย. ถึง 31 สค. จะมีรถสายพิเศษเรียกว่า
Furano Lavender Express วันที่ไปวันนี้ก็เป็นวันที่ 14 มิย. ก็อยู่ในช่วงที่มีพอดี

จะเล่าช่วงเวลาชมดอกลาเวนเดอร์ให้ฟังสักหน่อย ผมแบ่งเองเป็น 3 ช่วงคือ
1 ข่วงต้นฤดูเริ่มตั้งแต่ 8 มิย. ถึง 28 มิย.
2 ข่วงกลางฤดูเริ่มตั้งแต่ 29 มิย. ถึง 11 สค. (ช่วง 13 - 21 กค. น่าจะเป็นช่วง Hi Season)
3 ข่วงปลายฤดูเริ่มตั้งแต่ 12 สค. ถึง 31 สค.

ที่คิดว่าเป็นแบบนี้เพราะสังเกตจาก Furano Lavender Express Timetable
ในช่วง 8 มิย. ถึง 31 สค.จะมีรถไฟยืนพื้น 2 เที่ยว คือไปเที่ยว กลับเที่ยว ตลอดฤดูกาล
พอช่วง 29 มิย. ถึง 11 สค. จะมีรถไฟเพิ่มอีก 2 เที่ยว เป็น ไปสอง กลับสอง
และช่วง 13 กค. ถึง 21 กค. ก็มีเพิ่มมาอีก 2 เที่ยว เป็น ไปสาม กลับสาม
ปีหน้า และปีต่อๆไป วันที่อาจเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่คงไม่มากนัก ก็ลาเวนเดอร์อยากออกดอกช่วงนี้นี่นา
ฉนั้นไม่มีทางเลือก ก็นั่งรถไฟออกจาก Sapporo 9:06 น. ไปถึงสถานี Naka Furano 12:10 น.

ลองดูแผนการเที่ยวตามรูป เราเลือกออกจาก Sapporo ผ่าน Furano ไป Naka Furano แล้วเดิน เดิน เดิน ...



รถไฟเค้านั่งสบายดี อันนี้คงไว้นั่งชมวิว กระจกก็เลือนลงได้ ถ่ายรูปไม่มีเงาสะท้อน



บนรถเหมือนมีเตาสร้างไออุ่นด้วย คงใช้ในหน้าหนาว



ถึงแล้วครับ Naka Furano นี่เป็นทางข้ามถนน แล้วก็เดิน เดิน เดิน...
ที่ลงที่สถานีนี้เพราะตั้งใจว่าจะได้เที่ยวสัก 2 ฟาร์มคือ Choei Lavender Farms กับ Farm Tomita



ระหว่างทางเดินหา Choei Lavender Farms ก็ดูวิวไปเรื่อยๆ
เริ่มเห็นลาเวนเดอร์แล้ว ที่เห็นสีม่วงๆ ใต้ทางขึ้นไปเล่นสกีแหละ



เดินไปเรื่อยๆก็เริ่มรู้สึกแล้วครับว่าหา Choei Lavender Farms ไม่เจอ ต้นฤดูก็หยั่งงี้แหละครับ ยังไม่เปิด ...
ถ้าไปในช่วงเวลาต้นฤดู แนะนำให้ลงที่สถานี Lavender Farm เลยดีกว่า นอกจากอยากเดินชมวิว
เดินชมวิวไปเรื่อยๆก็ถึงโทมิตะฟาร์มแล้วครับ



ทุ่งลาเวนเดอร์ ไม่รู้ใครไปยืนบัง



อันนี้เห็นดอกลาเวนเดอร์ชัดเลย มีแบ็คกราวสวยๆข้างหลัง



มาถึงนี่แล้วต้องกินไอติมลาเวนเดอร์ซะหน่อย ผมว่าไม่ค่อยหวานนะ



นี่สถานี Lavender Farm จริงๆแล้วสถานีนี้ไม่มี สร้างชั่วคราวเฉพาะฤดูท่องเที่ยวลาเวนเดอร์เท่านั้น



ขึ้นรถไฟต่อไป Biei (อ่านว่าเบอิ) ถึงเบอิเวลา 15:03 น. ไปนั่งรถบัสเที่ยวต่อ



ช่วงต้นฤดู รถบัสก็ไม่มีทางเลือก ต้องไปสาย Twinkle Bus Biei "Hill Course"
รถออก 15:15 น. พาไปเที่ยวแล้วกลับเวลา 16:10 น. ช่วงที่ไปก็มีเที่ยวนี้ เที่ยวเดียว
พาไปดูต้นไม้เช่น Ken and Mary, Seven Stars เป็นต้น





ขากลับ ออกจาก Biei เวลา 17:20 น. ไปถึง Asahikawa เวลา 17:45 น. เปลี่ยนเป็นรถด่วน
ออกจาก Asahikawa เวลา 18:30 น. กลับถึง Sapporo เวลา 19:50 น.
สังเกตนะ เวลารถไฟเขาทำต่อกันได้ดีจริงๆ
ถ้าตั้งใจจะไปดูลาเวนเดอร์ ควรไปช่วงกลางฤดู ประมาณเดือน กค. น่าจะดีที่สุด

เริ่มวันที่ 7 วันนี้จะไปเที่ยวสวนสัตว์กัน

นั่งรถด่วนไป Asahikawa แล้วไปต่อรถเมล์ครับ รู้สึกไปเที่ยวนี้ ใช้พาหนะหลายชนิดดีจัง
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของ Hokkaido Rail Pass ที่ซื้อมา และแน่นอน Reserved Seat ไว้แล้ว ใช้ให้คุ้มนะ
สวนสัตว์ที่นี่ชื่อ Asahiyama Zoo ชื่อสวนสัตว์เกือบเหมือนชื่อเมืองนะครับ



ออกจากสถานีรถไฟมารอรถเมล์ที่ Bus stop เบอร์ 5 แม้แต่รถเมล์ก็มาตรงเวลานะ



นั่งไปสุดทางเลยครับ ไม่มีหลง ค่าโดยสารเท่าไหร่ลืมแล้ว (เมื่อก่อนจำได้)



เข้ามาถึงเจอนกก่อนเลย





วิวในสวนสัตว์ ใบไม้สีสวยดี





ดูมันจีบกัน



แล้วก็มาถึง Seal Museum



ไม่บอกรู้ไหมว่าเป็นหมีขาว



เห็นไหมมีช่องแอบมองทางซ้าย เขาว่าพอโผล่ขึ้นมามอง แล้วหมีจะตะปบตามสัญชาตญาณในการจับแมวน้ำ



และอื่นๆอีกมากมาย เช่น เสือ สิงห์ กระทิง ___ แน่นนอน ที่เว้นวรรคไว้ทุกคนรู้แน่นอน

เหนื่อยแล้วกิน ไอติมดีกว่า ผมว่าอร่อยกว่าที่ลาเวนเดอร์อีกครับ



กลับแล้ว รอรถเมล์ที่เดิม



กำลังจะไปหาอะไรกิน ก็ผ่านไปเจองานเทศกาลอะไรก็ไม่รู้แหละ ปิดถนนแห่กันเลย





กินร้านนี้ดีกว่า สั่งง่ายดี มีเบียร์ด้วย อร่อยด้วย ข้อเสียสำหรับผู้แพ้ควันบุหรี่ อาจไม่ชอบ



อิ่มแล้ว ไม่บอกหรอกว่ากินอะไรมั่ง แต่อร่อยจริงๆน้าาา...



เริ่มวันที่ 8 โรงงานช๊อกโกแลต อันนี้ไม่ไปไม่ได้เลย

ต้องเดินทางด้วยรถใต้ดินสายสีน้ำตาล (สายโทไซ) ซึ่งไม่ผ่าน ซัปโปโร
ต้องนั่งรถใต้ดินสายสีเขียว (สายนัมโบะกุ) จาก ซัปโปโร ไปเปลี่ยนรถที่ โอโดริ ก่อน
แต่เนื่องจาก เหรัญญิก เราประหยัดมาก เดินครับ เดินจาก ซัปโปโร ไป โอโดริ
แล้วนั่งรถใต้ดินสายสีน้ำตาล (สายโทไซ) จาก โอโดริ ไปลงที่ มิยะโนซะวะ สุดสายเลยครับ ไม่หลง



พยายามหาทางออกหมายเลข 5 แล้วขึ้นมา จะพบร้าน BENTOSS



เดินเลี้ยวซ้ายเลาะกำแพงไปเรื่อยๆสักพัก มองไปทางขวาก็พอจะเห็นแล้วครับ Chocolate Factory



เมื่อเห็นแล้วคงหาทางเดินไปหาไม่ยากแล้ว นี่แหละครับ Chocolate Factory เข้าไปเลย



มีสวนดอกไม้ เที่ยวฟรี



ผมก็ไปด้วยนะครับ



อันนี้ภาคเช้า









เข้าเขตเสียเงิน มีหลายอย่างให้ดูเช่น เครื่องเสียงโบราณ



ดูโรงงานทำขนม แต่ไม่ได้เข้าไปข้างในนะครับ เป็นกระจกมองเข้าไป







หิว..แวะหาอะไรกินกันก่อน ขอบอก Hot Chocolate กับเค้กที่เห็น อร่อยม๊ากๆๆ



ถ่ายรวมๆกันหน่อย มีมืออาชีพมาถ่ายให้



ภาคบ่ายขออีกที





ออกจากโรงงานช๊อกโกแลต ยังมีเวลาเที่ยวต่อ ไปที่ทำการศูนย์ราชการเก่า จะคล้ายกับพิพิธภัณฑ์



สังเกตว่า มาญี่ปุ่นทีไรมักเจองานเทศกาลทุกที คราวหน้ามาอีกดูสิจะเจองานอะไรอีก



ลองหาร้านปิ้งๆ ย่างๆ กินดีกว่า ... เนื้อนุ่มมาก อร่อย ... อิ่มแล้วไป ช๊อปต่อ ของฝากยังไม่ครบเลย



เจอ Kitkat ชาเขียวอีกแล้ว ถูกกว่าร้านก่อนอีก ไม่เป็นไร ซื้ออีก เขารียกว่าซื้อเฉลี่ยไง



ร้านนี้เอง ใครมาจำไว้นะ ถูกกว่า อยู่ลึกเข้าไปกว่าร้านวันก่อน



เริ่มวันที่ 9 ขึ้นเครื่องกลับ กทม.

นั่งรถไฟจาก Sapporo ไป Airport มี Reserved Seat เช่นเคย แต่ไม่ฟรีแล้วครับ Hokkaido Rail Pass หมดแล้ว
ต้องดูเวลาและไปจองไว้ล่วงหน้า จ่ายเงินเต็มด้วยครับ วันนี้ไม่มีรูป ยุ่งมากจนไม่อยากควักกล้องออกมา

ก็ขอจบรายงานการท่องเที่ยวครั้งนี้ไว้เพียงเท่านี้นะครับ ขอบคุณที่ติดตาม พบกันใหม่ทริปหน้า

สรุปค่าใช้จ่าย

เที่ยว Hokkaido 8-17 มิย. 2556


ค่าทำVisa
1,550.00 บาท
ค่าตั๋วเครื่องบิน
18,095.00 บาท
ค่าประกันเดินทาง
800.00 บาท
ค่าโรงแรมและอาหารเช้าบางวัน      
17,915.00 บาท
ค่า JR
7,276.00 บาท
ต่าใช้จ่ายที่เก็บเข้ากองกลาง
9,531.00 บาท
(กิน เที่ยว ตั๋วรถต่างๆ ค่าเข้าชม)
รวมเป็นเงิน
55,167.00 บาท