มี.ค 29, 2024, 04:01 หลังเที่ยง

ข่าว:

SMF - เพิ่งติดตั้ง!


รายงานการท่องเที่ยว Hokkaido (ฮอกไกโด)

เริ่มโดย Admin, พ.ย 07, 2021, 10:00 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

Admin


รายงานการท่องเที่ยว Hokkaido (ฮอกไกโด) ภาค 1
รายงานเมื่อ 20 มกราคม 2557

ก็ไปเที่ยวกลับมาสักพักแล้ว กินของฝากกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มานึกว่าควรจะรวบรวมไว้เป็นข้อมูลการท่องเที่ยว ก่อนที่จะลืมไปหมด
เผื่อท่านใดจะใช้ประโยชน์ได้ รวมทั้งข้าพเจ้าเอง เผื่อมีโอกาสไปอีก

เริ่มวันแรก เมื่อถึง New Chitose Airport (นิว ชิโตะเซะ นะครับ ไม่ใช่ไชโต๊ต)
วันแรกนี้ตั้งใจว่าจะไปเที่ยวที่ Hakodate (ฮาโกดาเตะ) ไปที่ไกลสุดก่อน
และคิดว่าต้องใช้บริการรถไฟ JR แทบทุกวัน ไปเลยครับไปหาซื้อ Hokkaido Rail Pass
ไปดูวิธีการซื้อได้ที่นี่ครับ http://www2.jrhokkaido.co.jp/global/index.html

เมื่อผ่านพิธีการต่างๆในการเข้าเมืองแล้วจะออกมาที่ชั้น 2 เดินตรงไปเรื่อยๆ
จะเห็นลิฟท์ขวางหน้าอยู่ ลงไปเลยครับชั้น B1 ชั้นของรถไฟ JR เขาหละ
ที่นี่พนักงาน JR พอพูดภาษาอังกฤษรู้เรื่อง รีบๆคุยเข้าไปนะ ไปที่อื่นจะคุยไม่ค่อยรู้เรื่อง
อยู่ที่นั้น 9 วันเลยซื้อแบบ 7 วัน ราคาคนละ 22,000 เยน (JPY)

นี่ครับ ตัวอย่าง Hokkaido Rail Pass กับตั๋ว Reserved Seat



Reserved Seat จะบอก สถานีต้นทาง ปลายทาง รถคันที่ และเลขที่นั่งเรียบร้อย นั่งสบายมาก

Hokkaido Rail Pass นอกจากขึ้นรถไฟ JR ฟรีแล้ว ไปทางไกลๆยังสามารถ Reserved seats ได้ฟรีด้วย
ลองเลยครับ พอซื้อเสร็จก็ให้ Reserved seats ไป Hakodate ด้วยเลย สบายครับมีที่นั่ง

ระหว่างรอรถไฟก็เอาขนมที่กะว่าจะเป็นของฝากมาลองชิมกัน อันนี้มันฝรั่งแกล้มเบียร์ครับ



นั่งรถไฟ หลับๆตื่นๆสักพัก 2 ชั่วโมง 50 นาทีก็ถึง ทำให้มีความคิดดีๆ พรุ่งนี้จะไป Otaru (โอตารุ)
ไป Reserved seats เสียเลย จะได้นั่งหลับไปอีก เสร็จเรียบร้อยแล้ว
เดินครับ เดินลากกระเป๋าจาก JR Station ไป Hakodate Kokusai Hotel
เก็บข้าวของ ล้างหน้าล้างตา ออกไปเที่ยวกันดีกว่า



เดินผ่านโรงเบียร์ก็ไม่ได้เข้า แพ้โหวต



เดินครับ เดินไปเที่ยว Red Brick Warehouses โกดังอิฐแดง ญี่ปุ่นเรียก คะเนะโมะริ
เมื่อ 100 ปีก่อนเป็นโกดัง ติดทะเล ตอนนี้เอามาทำที่ Shopping ขายของกัน มีเรือเที่ยวอ่าวด้วย





แวะหาเสบียงกินตุนไว้ก่อน เพราะบ่ายแก่ๆมากแล้ว และยังต้องเที่ยวกันถึงค่ำเลยวันนี้
มื้อนี้ประเดิมราเมงตุนท้องกันก่อน ทั้งร้านมีสาวน่ารักขายอยู่คนเดียว
ร้านอาหารที่ญี่ปุ่นทุกร้านจะมีผ้าเย็นให้ กระดาษเช็ดปากก็มี น้ำเย็นฟรี



เห็นร้านไอติม ต้องแวะชิมซะหน่อยนะ ของเขาดัง



เห็นมีอยู่หลายสาขาเหมือนกัน ส่วนผมก็ "ถ่ายไปกินไป" นะครับ



ระหว่างทางไปเที่ยวโบสถ์กัน เดินไต่ระดับกันหน่อย ขึ้นเขา ขึ้นเขา เดี๋ยวจะสูงกว่านี้อีก คอยดู



ระหว่างทางก็ต้องพักดูดอกไม้กันบ้าง เฮอ...สูงจัง ตอนนี้เป็นช่วงเริ่มหน้าร้อน ยังพอมีดอกไม้ของปลายหน้าหนาวให้ชม



ถึงแล้วโบสถ์ต่างๆ มีหลายแห่งเหมือนกัน



อ่านก็ไม่ออกว่าเป็นที่ไหนกันบ้าง



ก่อนจะขึ้นเขาไปอีก ก็มาหาดอกไม้ถ่ายต่อก่อน





ต่อไปจะขึ้นเขาสูง ยอดเขา Mount Hakodate เดินไม่ไหวต้องขึ้น Ropeway แต่ก็มีถนนขึ้นด้วย
หาที่ขึ้นไม่ยากครับ เห็นยอดเขา เห็น Cable เดินตามมันไปเดี๋ยวก็เจอ นั้นไง...เจอแล้ว



ค่าขึ้นและลงด้วย คนละ 1,160 เยน ขึ้นมาข้างบนก็เห็นโบสถ์ที่เราเพิ่งไปเที่ยวกัน



ดูเขาเตรียมมาถ่ายพระอาทิตย์ตกกัน



มันก็ประมาณนี้เหละ



ยิ่งค่ำคนยิ่งมาก และหนาว ถ้าจะอยู่ให้ไฟมากกว่านี้ต้องเตรียมชุดกันลมให้ดี มือมันจะแข็งเลย



จบวันนี้ยามค่ำคืน เดินอีกแล้วครับ เดินกลับโรงแรม ที่จริงก็พอจะหารถรางกลับได้ พรุ่งนี้ครับ พรุ่งนี้ค่อยขึ้นรถราง

วันที่สองของการท่องเที่ยว

ระหว่างทางที่เดินลากกระเป๋าจาก JR มาโรงแรมเมื่อวานนี้สังเกตมีตลาดอยู่
เช้านี้เลยไปเที่ยวและหาอะไรกินกันครับ ที่นี่เขาเรียก "ตลาดเช้า" จะมีกรุ๊ปทัวร์ที่ลูกทัวร์ตื่นเช้ามาเดินกัน



ปูตัวโตๆ น่ากินมาก เกือบ 5 โลครึ่งนะ ยังเป็นๆอยู่เลย ดุ๊กดิ๊ก ดุ๊กดิ๊ก ......



อันนี้แพคแล้ว เห็นมีคนนั่งกินอยู่เหมือนกัน เขาทำให้ ไม่รู้คิดค่าปรุงด้วยหรือเปล่า



ผลไม้ก็มีครับ แตงชิ้นละ 200 เยน หวาน...จับใจ.....หน่อไม้ฝรั่งก็ดูจะเป็นที่นิยมที่นี่



เครื่องทำปลาหมึก มีปลาหมีกสีดำด้วย เอามาเป็นของฝาก กินกันไปแล้ว นะจ๊ะ นะจ๊ะ



ไข่หอยเม่น 500, 600, 800 เยน ต่อไปเวลาไปดูประการังจะมีหอยเม่นให้เหยียบอีกไหมน้า....



ได้เวลาอาหารเช้าแล้ว สั่งไม่เป็นหรอก ไปชี้ๆเอา



แล้วออกมาเป็นอย่างงี้.....



นี่แหละร้านอาหารเช้า



เสร็จจากอาหารเช้าเดินย่อยอาหารอีกเล็กน้อย ก็พากันไปขึ้นรถราง เพื่อไปเที่ยว Fort Goryokaku
อ่านออกไหม อ่านว่า "โกะเรียวคะกุ" เป็นป้อมปราการสไตล์ตะวันตกแห่งแรกของญี่ปุ่น
ขึ้นรถรางที่ Hakodate Eki Mae Station ไม่ต้องสนใจอ่านชื่อก็ได้ จาก JR Station ที่มาเมื่อวาน
เดินไปฝั่งตรงข้ามจะเห็นรางรถราง จะหาสถานีได้ไม่ยาก ขึ้นให้ถูกข้างละกัน ที่นี่รถอะไรก็วิ่งชิดซ้าย
ไปลงที่ Goryokaku Koen Mae Station ถ้าอยากนับก็ 8 สถานี ค่าโดยสารคนละ 220 เยน
แล้วเดินต่ออีกหอบเล็กๆ จะเห็นหอคอยสูงๆ เดินไปทางหอคอยนั่นแหละ

ถ่ายจากข้างหน้าจะเห็นสวนโกะเรียวคะกุรูปดาว 5 แฉก เข้าไปเที่ยวกันดีกว่า เข้าฟรี



สวนใหญ่มาก เดินยังไงก็ไม่ทั่ว ด้วยเวลาก็จำกัดและได้ Reserved seats ไป Otaru ไว้แล้ว ไม่อยากยืนไป



ถ้าจะถ่ายรูปดาว 5 แฉกทั้งสวน ต้องขึ้นหอคอย ที่อยู่ข้างหลังนั่นแหละ
เวลาไม่พอขึ้นซะแล้ว ค่าขึ้นลงคนละ 840 เยน (จะถ่ายหอคอย ไม่รู้ใครยืนบังกันอยู่)



มีดอกไม้ให้ถ่ายรูปมากมาย



เมื่อไม่ได้ขึ้นก็ไปหากาแฟกินในนี้ดีกว่า มีวีดีโอให้ดู ขึ้นไปก็เห็นอย่างนั้นแหละ ไม่ต้องขึ้นก็ได้



ได้เวลาอันควรก็ขึ้นรถไฟ เดินทางต่อไปยัง โอตารุ แล้ว นี่เพิ่งเริ่มขึ้นรถไฟ อีกสักพักก็ ......ครอกฟี้ๆๆ



ถึงก็เกือบค่ำแล้ว โรงแรมที่พักอยู่ใกล้คลองโอตารุชื่อ Hotel Nord Otaru เก็บข้าวของเสร็จก็ออกไปเที่ยว
ว่าจะไปคลองโอตารุแหละ แต่เดินผ่านเห็น Otaru Beer ก็ได้แค่เห็น แพ้โหวตอีกตามเคย ไปเที่ยวคลองดีกว่า
คงมีโอกาสที่ โรงเบียร์ซัปโปโร?????



มีบริการเรือนำเที่ยวด้วย แต่ได้ยินไกด์นำเที่ยวบนเรือบรรยายเป็นภาษาญี่ปุ่น เลยเดินเที่ยวเองดีกว่า



เห็นไม๊ว่าค่ำแล้ว ทุ่มครึ่ง 20.2 องศา ตอนที่ไปนี้จะเป็นช่วงกลางวันยาวกว่ากลางคืน



คลองโอตารุตอนใกล้ค่ำ



ก็หมดวันที่ 2 แล้ว เดินกลับโรงแรมตามเคย ต้องคอยอ่านภาค 2 ต่อนะครับ
พรุ่งนี้จะไปเที่ยวในเมือง Otaru และจะเดินทางต่อไป Sapporo (ซัปโปโร) พบกันฉบับต่อไป

Admin


รายงานการท่องเที่ยว Hokkaido (ฮอกไกโด) ภาค 2 ต่อ

เริ่มวันที่ 3 ซะที หลังจากไปรวบรวมสมาธิอยู่พักนึง
เช้านี้กินอาหารเช้าที่โรงแรม เช็คเอ้าท์ ฝากกระเป๋า แล้วออกมาเดิน เดิน เดิน
วันนี้จะไปเที่ยว Otaru Music Box Museum เค้าว่าเดินจากโรงแรมไม่ไกล
เดินก็ไม่ไกลนัก มีอะไรดูไปตลอดทางเช่น
มีร้าน Music Box เหมือนกัน แต่ยังไม่ใช่ Museum ที่จะไป



ร้านขนมอร่อย LeTAO เดี๋ยวจะลองว่าอร่อยไหม ฮึฮึ..



แล้วก็...ถึงแล้ว นาฬิกาไอน้ำ หน้า Museum



ข้างในก็มีกล่องดนตรีมากมาย ถ้ามีเวลามากจะทำเองก็ได้



ของเก่าก็มีอวดโฉมให้ถ่ายรูป เข้าชมฟรี ถ่ายรูปก็ฟรี ....



ถ่ายรูปกันพอสมควร กลับไปหาของอร่อยกินดีกว่า ที่เล็งไว้เลย LeTAO



แป๊บเดียว...อร่อย อร่อย



อิ่มแล้วเดินเที่ยวต่อ ทดลองเขียนปากกาแก้ว และอื่นๆอีกมากมาย



ตอนบ่ายแก่ๆก็หาอาหารรับประทานกัน แถวนั้น ซูชิ ขึ้นชื่อมีหลายร้าน เลือกสักร้านแล้วเข้าไปเลย อร่อย
เมื่ออิ่มดีแล้วก็เดินครับ กึ่งเที่ยว กึ่งกลับโรงแรมไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ ลากไป JR เดินทางต่อไป Sapporo
เอาของที่ซื้อมาเมื่อกี๊ลองกินดู รถไฟเขานั่งสบายจริงนะ นี่แหละ Reserved Seat
จะไปไหนพยายาม Reserved Seat นะครับ ฟรีด้วย สบายกว่ายืน ..... เยอะเลย



ถึงแล้วครับ Sapporo เย็นอีกแล้วครับ ลากกระเป๋าเข้าพักที่ Hotel Monterry Sapporo
ตอนนี้สบายหน่อยครับ อยู่ที่นี่หลายวัน ไม่ต้องขนกระเป๋าขึ้นรถไฟ ลงรถไฟ อีกแล้ว เฮ...(อย่าลืม..ตอนกลับ)
บรรยากาศ ภายในโรงแรม ยามเย็น



ตื่นเช้า วันที่ 4 ของการท่องเที่ยว รับประทานอาหารที่โรงแรม (ธรรมดาจะไม่ค่อยได้กินที่โรงแรม)
วันนี้สบาย สบายไป Shopping ดีกว่า ขึ้นรถไฟผ่านไปผ่านมาที่สถานี Minami-Chitose (มินามิชิโตเซะ)
เห็น Rera Outlet อยู่ใกล้ๆสถานี ถึงสถานีแล้วก็เดินไม่ไกล มองเห็นอยู่ ไม่มีหลง



มีรถบริการฟรี ไป-กลับสนามบิน แต่เราไม่ได้ใช้หรอก



มอเตอร์ไซร์ก็มีให้ดู คงไม่ได้ขาย



ช๊อป ช๊อป ช๊อป กันจนหิว ก็หาของกินใน Outlet นั้นแหละ ไปพบร้านราเมงน่ากิน เข้าไปทันที
อันที่มีสาหร่ายเยอะๆ เป็นตัว Top สุดของร้านแหละ



นี่หน้าร้าน เอามาให้ดูกัน เผื่อใครอ่านออก



วันนี้ไม่มีอะไรมาก ช๊อปกันทั้งวัน ได้ของกันคนละหลายอย่าง เอาไปทดลองเพ็คกระเป๋า ไม่ต้องลากแล้ว สบาย..

เริ่มเช้าวันที่ 5
วันนี้กินข้าวเช้ากันเองแบบรวดเร็ว กินที่โรงแรมไม่ทัน รถไฟ JR ออกจากสถานี Sapporo 8:02 น. ต้องรีบกันหน่อย
ตั้งใจว่าจะไปดู พิงค์มอร์ส ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า Shibazakura (ชิบะซากุระ)
เริ่มมีตั้งแต่ ตันเดือน พค. ถึง กลางเดือน มิย. ดูตาม Link จะเห็นว่าต้องไปที่ Takinoue Park (ทะคิโนะอุเอะ)

http://takinoue.com/?english

วันนี้ไปผจญภัยกัน พยายามหาข้อมูลก็ไม่ค่อยมีข้อมูลมากนัก
เดินทางยากนิดนึง (ต่อรถหลายต่อ แล้วก็ต้องทำเวลา) ลองดูว่าไปยังไงนะ
เริ่มออกจาก Sapporo 8:02 น. ด้วยรถด่วน ไปถึงสถานี Shin-Yubari 8:58 น.
แล้วนั่งรถธรรมดา ออกจากสถานี Shin-Yubari  9:01 น. ย้อนกลับ 2 สถานี (Takinoue รถด่วนไม่จอด)
ถึงสถานี Takinoue 9:10 น. จะเห็นว่ามีเวลา 3 นาที ในการลงจากรถด่วน และไปขึ้นรถธรรมดาให้ถูก

นี่เป็นการพักผ่อนสบายๆจาก Sapporo ถึง Shin-Yubari (Reserved Seat)



พอถึง Shin-Yubari ก็รีบลง และรีบไปขึ้นรถธรรมดากันภายใน 3 นาที ก็ทันนะ ขึ้นเลย ...
สถานีนี้คงเป็นที่เปลี่ยนรถ มีรถธรรมดา จอดรออยู่ 2 ขบวนคือ ไปข้างหน้า และย้อนกลับ
เราชอบที่จะเป็นนักบุกเบิก ชอบที่จะไปข้างหน้า ... นึกอีกที เราต้องย้อนกลับนี่นา ...
ไอ้ที่ขึ้นทันหนะ ลงสิครับ รีบเลย เดี๋ยวไปไหนไม่รู้ ... ลงทันครับ แต่รถที่เราจะนั่งย้อน มันออกไปแล้ว...

ทำยังไงหละทีนี้ ...เริ่มสนุกแล้ว
ถามนายสถานีซึ่งมีอยู่คนเดียวได้ความว่า รถอีกคันนึงกว่าจะมาก็บ่าย 2 โน้น ไปแท๊กซี่เถอะ ประมาณ 2,000 เยน
เลยโทรไปเรียกแท๊กซี่ให้มารับที่สถานี Shin-Yubari และไปส่งที่ Takinoue Park แต่เรื่องที่อัศจรรย์คือ
ไม่รู้คุยกันรู้เรื่องได้ยังไง ตั้งแต่นายสถานี กับโทรไปเรียกแท๊กซี่ เราก็พูดภาษาเรา เค้าก็พูดภาษาเค้า
ไม่รู้เรื่องก็หัวเราะกันไป หัวเราะกันมา แต่ก็ได้แท๊กซี่มาคันนึง เห็นไม๊ พูดกันไม่รู้เรื่องก็คุยกันรู้เรื่องจนได้
ระหว่างรอแท๊กซี่ ก็ไปหาที่ถ่ายรูปดอก ชิบะซากุระ ก็พอมีอยู่แถวๆสถานี พอหาถ่ายได้



ตัดกลับมาตอนจะขึ้นแท๊กซี่ พอสมาชิกทั้ง 5 จะขึ้นเท่านั้น คนขับก็โวยวายใหญ่ ว่าไปได้แค่ 4 คน
ไม่รู้จะโวยวายทำไม เราก็รู้อยู่แล้วว่าไปได้แค่ 4 คน แต่...นึกแบบไทยๆ ก็น่าจะได้นะ 5 คนเอง
เลยตกลงไป 2 เที่ยว โดยผมไปก่อน 2 คน ทิ้งสาวๆไว้ 3 คน ค่อยกลับมารับ
ขณะนั่งแท๊กซี่ก่อนถึง Takinoue Park ก็เห็นแล้วสถานี Takinoue ขากลับต้องขึ้นรถที่นี่ ค่าแท๊กซี่ 2,200 เยน

ขณะที่ทิ้งสาวๆ 3 คนไว้ รอแท๊กซี่กลับมารับ ก็มีเรื่องน่าประทับใจจากชาวญี่ปุ่นเกิดขึ้น ...
ไม่รู้พวกหล่อนไปเดินเที่ยวกันยังไง หรือทำท่าหิวโหยยังไงไม่ปรากฏ มีชาวบ้านญี่ปุ่นแถวนั้น คงนำกล่องข้าว
มากินกลางวันกัน แล้วเห็นคุณๆเธอนั่งน้ำลายไหลอยู่ ก็ได้แบ่ง Melon ให้กินด้วย
แหม...คุณเธอก็ไม่เกรงใจกันเลยแหละ แถมยังมาเล่าให้ฟังว่า หวานมากมาก
นี่ยังดีนะที่มีขนมที่ซื้อมาจาก Hakodate ติดไม้ติดมือไปด้วย ได้แบ่งให้เค้ากินบ้าง

แท๊กซี่เที่ยวหลังนี่ถูกกว่าเที่ยวแรกอีก ค่าแท๊กซี่ 2,150 เยน
แท๊กซี่ไปส่งไม่ผิดแน่ๆ เพราะเห็นป้ายเลย Takinoue Park ที่แปลกก็คือ เห็นที่จอดรถใหญ่มาก แต่ไม่มีรถจอด
รอบๆที่จอดรถก็มีร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆอยู่หลายร้าน แต่ไม่มีร้านไหนเปิด ไม่พบผู้คนอื่นๆนอกจากพวกเรา
ถ้าจะตลาดวายซะแล้ว ดอกชิบะซากุระก็มีน้อยมาก ไม่เหมือนใน Web เลย

ไหนๆก็มาแล้วลองเที่ยวๆ Park ก่อนละกัน



มีดอกอื่นๆ สวยๆมากมาย แต่ไม่มีดอกที่จะมาดู



ก็ถ่ายกับดอกอื่นๆละกัน



เดินเที่ยวกันเป็นที่เจริญหูเจริญตาก็เริ่มหิว ร้านอาหารก็ไม่มี เสบี่ยงที่พกมาก็น้อย ขนมปังเก่าๆก็ดูจะอร่อยเป็นพิเศษ
เมื่อไม่มีอะไรทำแล้ว ร้านอาหารก็ไม่มีกิน กลับดีกว่า ก็เดินไปที่สถานี Takinoue ที่หมายตาไว้
ไม่มีใครหรอกครับที่สถานี ไม่มีอะไรขาย ไม่มีอะไรกิน รถที่จะมีมาอีกก็บ่าย 2 กว่าๆ งานนี้ต้องทนหิวสักหน่อยแล้ว

นั่งรอที่สถานีไม่รู้จะทำอะไร พวกหล่อนๆทั้ง 3 (3 คนเดิมอีกนั้นแหละ) ก็ไปเดินเล่นดีกว่า เผื่อจะมีร้านอาหารเปิดบ้าง
ไปเจอคนญี่ปุ่นอีกแล้ว (แถวนั้นคนญี่ปุ่นยังหายากเลย) เลยพยายามถามเค้าว่ามีร้านอาหารไหม
เนื่องจากพูดกันไม่รู้เรื่อง คงใช้ภาษาใบ้ แสดงท่าทางหิวโหยออกมาอย่างน่าสงสาร จนชาวญี่ปุ่นรู้เรื่อง
ไม่มีครับ แถวนี้ไม่มีร้านอาหาร เอาขนมนี่ไปกินรองท้องไว้ก่อนละกัน ก็เลยได้ขนมมาอีก 2-3 ถุง
ก่อนเดินออกมาพร้อมขนม อีกคนนึงยังเรียกให้เอาน้ำไปด้วย ... เจอน้ำใจของชาวบ้านญี่ปุ่นอีกแล้ว ...
ขนมเราก็กินหมดแล้ว คราวนี้รับอย่างเดียว ไม่มีสินน้ำใจอะไรไปให้เขาเลย ได้แต่ความประทับใจกลับมา



วันนี้เจอเรื่องน้ำใจงามๆจากชาวญี่ปุ่น 2 ครั้งเลย เวลารถไฟก็ใกล้จะมาแล้ว รอรถไฟกลับดีกว่า



หมายเหตุ สำคัญ
เมื่อกลับมากรุงเทพแล้วลองตรวจสอบดูใหม่ ถ้าจะไปเที่ยวดูดอก ชิบะซากุระ ตามใน Web ควรจะลืมวิธีไป
ของวันนี้เสีย เพราะน่าจะเป็นคนละที่กัน น่าจะอยู่ทางตอนเหนือของ Asahikawa
ตามที่อยู่นี้ Motomachi Takinoue-machi Monbetsu-gun Hokkaido
อยู่ห่างจากสนามบิน Monbetsu นั่งรถไปอีก 40 นาที
นอกจากที่นี่ ยังมีอีกหลายที่ลองดูรายละเอียดได้ตามข้างล่างครับ

http://www.yokosojapan.org/event/mar10-02.html

เมื่อกลับถึง Sapporo ก็ยังไม่เย็นนัก ประมาณ 4 โมงเย็น แต่เนื่องจากความหิวยังติดพันตกลงกันว่าไป กินปู ดีกว่า
นั่งรถใต้ดินสายสีเขียว (สายนัมโบะกุ) จาก Sapporo ไปลงที่ Susukino (ซุซุกิโนะ) 2 สถานี  200 เยน
พอโผล่ขึ้นมามองไปรอบๆก็เจอ เห็นปูมันขยับๆ อยู่บนร้าน เข้าไปเลยครับ หิวนิดๆเอง



สั่งมาชุดแรก เป็นชุดปู 10 อย่าง บางคนก็เรียกสุกี้ปู ขุดนี้ 11,000 เยน



ตัวก็ใหญ่พอควรนะ แต่ว่า 5 คนที่กำลังหิว ก็หมดไปในเวลาไม่นานนัก อยากจะสั่งเฉพาะปูมาเพิ่ม



มีผู้แนะนำให้กิน TarabaGani (ปูทะระบะ) ลองสั่งมาเลยครับ ตัวละ 19,000 เยน อันนี้ใหญ่ถึงใจเลยครับ



ให้เรากินอยู่คนเดียว อิ่มแล้ว อร่อย ...



มื้อนี้หมดไป 31,183 เยน ประมาณ 10,000 บาท 5 คน 2,000 บาทเอง จ่ายเงินแล้วสบายใจ ....



หมายเหตุ
ถ้าไปหากินปูทะระบะ ที่อื่นๆเช่นไปสั่งที่ Otaru ตามข้างทาง ควรจะดูให้เป็นนะ เพราะปูอื่นถูกกว่ามาก
วิธีดูก็ลองดูจากที่นี่ http://www.marumura.com/food/?id=414

เมื่ออิ่มแล้วก็ไปชอปปิ้งต่อ แถวนี้ยังไงก็เดินผ่าน เพราะอยู่ระหว่างร้านกินปูกับโรงแรม Monterry
มีร้านค้ามากมาย ขายของค่อนข้างถูก ย่านนี้เรียกว่า ย่านการค้าทานุกิโคจิ



มี Kitkat ชาเขียวด้วย ลุยเลย ของหายาก ทั้งเซเว่น ทั้งลอสัน ไม่มีเลย (ทั้งเซเว่น ทั้งลอสัน มีเบียร์ราคายุติธรรม)



นี่หน้าร้าน ถ้าผ่านไปเจอ แวะเข้าไปดูเลยครับ มีอีกหลายอย่างน่าสนใจ



ได้ของกันพอสมควรแล้วก็เดินกลับโรงแรม แวะพักผ่อนที่สวนสาธารณะโอโดริโคเอ็ง



หมดวันที่ 5 แล้ว พักขาพอหายเมื่อยก็เดินกลับโรงแรมตามเคยครับ (ขามานั่งรถใต้ดิน ขากลับเดิน...)
พรุ่งนี้จะไปดู ลาเวนเดอร์ คงต้องไว้ต่อภาค 3 นะครับ น่าจะเป็นภาคจบของทริปนี้แล้ว
ว่าจะสรุปค่าใช้จ่ายให้ดูด้วย โปรดดิดตามตอนด่อไป ...

Admin


รายงานการท่องเที่ยว Hokkaido (ฮอกไกโด) ภาค 3 ตอนจบ

ว่าจะรวบรวมตอนสุดท้ายให้เสร็จตั้งนานแล้ว มัวแต่ไปทำอย่างอื่นจนไม่ได้ทำเสียที่
ตอนนี้ได้โอกาสอันดี ไม่ส่งเป็น E-Mail แล้ว เอามารวมไว้ใน Web Board เสียเลยดีกว่า
นานแล้ว....เกือบลืมหมดแล้ว ....

เริ่มวันที่ 6 ของการท่องเที่ยว
วันนี้จะไปเที่ยวชม ดอกลาเวนเดอร์ ช่วงวันที่ 8 มิย. ถึง 31 สค. จะมีรถสายพิเศษเรียกว่า
Furano Lavender Express วันที่ไปวันนี้ก็เป็นวันที่ 14 มิย. ก็อยู่ในช่วงที่มีพอดี

จะเล่าช่วงเวลาชมดอกลาเวนเดอร์ให้ฟังสักหน่อย ผมแบ่งเองเป็น 3 ช่วงคือ
1 ข่วงต้นฤดูเริ่มตั้งแต่ 8 มิย. ถึง 28 มิย.
2 ข่วงกลางฤดูเริ่มตั้งแต่ 29 มิย. ถึง 11 สค. (ช่วง 13 - 21 กค. น่าจะเป็นช่วง Hi Season)
3 ข่วงปลายฤดูเริ่มตั้งแต่ 12 สค. ถึง 31 สค.

ที่คิดว่าเป็นแบบนี้เพราะสังเกตจาก Furano Lavender Express Timetable
ในช่วง 8 มิย. ถึง 31 สค.จะมีรถไฟยืนพื้น 2 เที่ยว คือไปเที่ยว กลับเที่ยว ตลอดฤดูกาล
พอช่วง 29 มิย. ถึง 11 สค. จะมีรถไฟเพิ่มอีก 2 เที่ยว เป็น ไปสอง กลับสอง
และช่วง 13 กค. ถึง 21 กค. ก็มีเพิ่มมาอีก 2 เที่ยว เป็น ไปสาม กลับสาม
ปีหน้า และปีต่อๆไป วันที่อาจเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่คงไม่มากนัก ก็ลาเวนเดอร์อยากออกดอกช่วงนี้นี่นา
ฉนั้นไม่มีทางเลือก ก็นั่งรถไฟออกจาก Sapporo 9:06 น. ไปถึงสถานี Naka Furano 12:10 น.

ลองดูแผนการเที่ยวตามรูป เราเลือกออกจาก Sapporo ผ่าน Furano ไป Naka Furano แล้วเดิน เดิน เดิน ...



รถไฟเค้านั่งสบายดี อันนี้คงไว้นั่งชมวิว กระจกก็เลือนลงได้ ถ่ายรูปไม่มีเงาสะท้อน



บนรถเหมือนมีเตาสร้างไออุ่นด้วย คงใช้ในหน้าหนาว



ถึงแล้วครับ Naka Furano นี่เป็นทางข้ามถนน แล้วก็เดิน เดิน เดิน...
ที่ลงที่สถานีนี้เพราะตั้งใจว่าจะได้เที่ยวสัก 2 ฟาร์มคือ Choei Lavender Farms กับ Farm Tomita



ระหว่างทางเดินหา Choei Lavender Farms ก็ดูวิวไปเรื่อยๆ
เริ่มเห็นลาเวนเดอร์แล้ว ที่เห็นสีม่วงๆ ใต้ทางขึ้นไปเล่นสกีแหละ



เดินไปเรื่อยๆก็เริ่มรู้สึกแล้วครับว่าหา Choei Lavender Farms ไม่เจอ ต้นฤดูก็หยั่งงี้แหละครับ ยังไม่เปิด ...
ถ้าไปในช่วงเวลาต้นฤดู แนะนำให้ลงที่สถานี Lavender Farm เลยดีกว่า นอกจากอยากเดินชมวิว
เดินชมวิวไปเรื่อยๆก็ถึงโทมิตะฟาร์มแล้วครับ



ทุ่งลาเวนเดอร์ ไม่รู้ใครไปยืนบัง



อันนี้เห็นดอกลาเวนเดอร์ชัดเลย มีแบ็คกราวสวยๆข้างหลัง



มาถึงนี่แล้วต้องกินไอติมลาเวนเดอร์ซะหน่อย ผมว่าไม่ค่อยหวานนะ



นี่สถานี Lavender Farm จริงๆแล้วสถานีนี้ไม่มี สร้างชั่วคราวเฉพาะฤดูท่องเที่ยวลาเวนเดอร์เท่านั้น



ขึ้นรถไฟต่อไป Biei (อ่านว่าเบอิ) ถึงเบอิเวลา 15:03 น. ไปนั่งรถบัสเที่ยวต่อ



ช่วงต้นฤดู รถบัสก็ไม่มีทางเลือก ต้องไปสาย Twinkle Bus Biei "Hill Course"
รถออก 15:15 น. พาไปเที่ยวแล้วกลับเวลา 16:10 น. ช่วงที่ไปก็มีเที่ยวนี้ เที่ยวเดียว
พาไปดูต้นไม้เช่น Ken and Mary, Seven Stars เป็นต้น





ขากลับ ออกจาก Biei เวลา 17:20 น. ไปถึง Asahikawa เวลา 17:45 น. เปลี่ยนเป็นรถด่วน
ออกจาก Asahikawa เวลา 18:30 น. กลับถึง Sapporo เวลา 19:50 น.
สังเกตนะ เวลารถไฟเขาทำต่อกันได้ดีจริงๆ
ถ้าตั้งใจจะไปดูลาเวนเดอร์ ควรไปช่วงกลางฤดู ประมาณเดือน กค. น่าจะดีที่สุด

เริ่มวันที่ 7 วันนี้จะไปเที่ยวสวนสัตว์กัน

นั่งรถด่วนไป Asahikawa แล้วไปต่อรถเมล์ครับ รู้สึกไปเที่ยวนี้ ใช้พาหนะหลายชนิดดีจัง
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของ Hokkaido Rail Pass ที่ซื้อมา และแน่นอน Reserved Seat ไว้แล้ว ใช้ให้คุ้มนะ
สวนสัตว์ที่นี่ชื่อ Asahiyama Zoo ชื่อสวนสัตว์เกือบเหมือนชื่อเมืองนะครับ



ออกจากสถานีรถไฟมารอรถเมล์ที่ Bus stop เบอร์ 5 แม้แต่รถเมล์ก็มาตรงเวลานะ



นั่งไปสุดทางเลยครับ ไม่มีหลง ค่าโดยสารเท่าไหร่ลืมแล้ว (เมื่อก่อนจำได้)



เข้ามาถึงเจอนกก่อนเลย





วิวในสวนสัตว์ ใบไม้สีสวยดี





ดูมันจีบกัน



แล้วก็มาถึง Seal Museum



ไม่บอกรู้ไหมว่าเป็นหมีขาว



เห็นไหมมีช่องแอบมองทางซ้าย เขาว่าพอโผล่ขึ้นมามอง แล้วหมีจะตะปบตามสัญชาตญาณในการจับแมวน้ำ



และอื่นๆอีกมากมาย เช่น เสือ สิงห์ กระทิง ___ แน่นนอน ที่เว้นวรรคไว้ทุกคนรู้แน่นอน

เหนื่อยแล้วกิน ไอติมดีกว่า ผมว่าอร่อยกว่าที่ลาเวนเดอร์อีกครับ



กลับแล้ว รอรถเมล์ที่เดิม



กำลังจะไปหาอะไรกิน ก็ผ่านไปเจองานเทศกาลอะไรก็ไม่รู้แหละ ปิดถนนแห่กันเลย





กินร้านนี้ดีกว่า สั่งง่ายดี มีเบียร์ด้วย อร่อยด้วย ข้อเสียสำหรับผู้แพ้ควันบุหรี่ อาจไม่ชอบ



อิ่มแล้ว ไม่บอกหรอกว่ากินอะไรมั่ง แต่อร่อยจริงๆน้าาา...



เริ่มวันที่ 8 โรงงานช๊อกโกแลต อันนี้ไม่ไปไม่ได้เลย

ต้องเดินทางด้วยรถใต้ดินสายสีน้ำตาล (สายโทไซ) ซึ่งไม่ผ่าน ซัปโปโร
ต้องนั่งรถใต้ดินสายสีเขียว (สายนัมโบะกุ) จาก ซัปโปโร ไปเปลี่ยนรถที่ โอโดริ ก่อน
แต่เนื่องจาก เหรัญญิก เราประหยัดมาก เดินครับ เดินจาก ซัปโปโร ไป โอโดริ
แล้วนั่งรถใต้ดินสายสีน้ำตาล (สายโทไซ) จาก โอโดริ ไปลงที่ มิยะโนซะวะ สุดสายเลยครับ ไม่หลง



พยายามหาทางออกหมายเลข 5 แล้วขึ้นมา จะพบร้าน BENTOSS



เดินเลี้ยวซ้ายเลาะกำแพงไปเรื่อยๆสักพัก มองไปทางขวาก็พอจะเห็นแล้วครับ Chocolate Factory



เมื่อเห็นแล้วคงหาทางเดินไปหาไม่ยากแล้ว นี่แหละครับ Chocolate Factory เข้าไปเลย



มีสวนดอกไม้ เที่ยวฟรี



ผมก็ไปด้วยนะครับ



อันนี้ภาคเช้า









เข้าเขตเสียเงิน มีหลายอย่างให้ดูเช่น เครื่องเสียงโบราณ



ดูโรงงานทำขนม แต่ไม่ได้เข้าไปข้างในนะครับ เป็นกระจกมองเข้าไป







หิว..แวะหาอะไรกินกันก่อน ขอบอก Hot Chocolate กับเค้กที่เห็น อร่อยม๊ากๆๆ



ถ่ายรวมๆกันหน่อย มีมืออาชีพมาถ่ายให้



ภาคบ่ายขออีกที





ออกจากโรงงานช๊อกโกแลต ยังมีเวลาเที่ยวต่อ ไปที่ทำการศูนย์ราชการเก่า จะคล้ายกับพิพิธภัณฑ์



สังเกตว่า มาญี่ปุ่นทีไรมักเจองานเทศกาลทุกที คราวหน้ามาอีกดูสิจะเจองานอะไรอีก



ลองหาร้านปิ้งๆ ย่างๆ กินดีกว่า ... เนื้อนุ่มมาก อร่อย ... อิ่มแล้วไป ช๊อปต่อ ของฝากยังไม่ครบเลย



เจอ Kitkat ชาเขียวอีกแล้ว ถูกกว่าร้านก่อนอีก ไม่เป็นไร ซื้ออีก เขารียกว่าซื้อเฉลี่ยไง



ร้านนี้เอง ใครมาจำไว้นะ ถูกกว่า อยู่ลึกเข้าไปกว่าร้านวันก่อน



เริ่มวันที่ 9 ขึ้นเครื่องกลับ กทม.

นั่งรถไฟจาก Sapporo ไป Airport มี Reserved Seat เช่นเคย แต่ไม่ฟรีแล้วครับ Hokkaido Rail Pass หมดแล้ว
ต้องดูเวลาและไปจองไว้ล่วงหน้า จ่ายเงินเต็มด้วยครับ วันนี้ไม่มีรูป ยุ่งมากจนไม่อยากควักกล้องออกมา

ก็ขอจบรายงานการท่องเที่ยวครั้งนี้ไว้เพียงเท่านี้นะครับ ขอบคุณที่ติดตาม พบกันใหม่ทริปหน้า

สรุปค่าใช้จ่าย